หัวข้อ : เล่มที่ ๔ รวมพลก่อตั้งสมาพันธ์ ตอนที่ ๔ อาชีพใหม่

โพสต์เมื่อ 3 ก.พ. 2555, 08:44

ตอนที่ ๔

 

อาชีพใหม่

 

 

สายลมคมกริบรูปจันทร์ครึ่งเสี้ยว (คาถาคมวายุ) ลูกศรที่เรืองแสงเจิดจ้าดั่งสายฟ้า (คาถาศรแสง) และศรเพลิงสีแดงลุกโรจน์ (คาถาศรเพลิง) พุ่งเข้าปักใส่กระรอกบินตัวหนึ่งแทบจะในเวลาเดียวกัน หากเป็นผู้ที่ไม่ทราบความนัยมาก่อนคงต้องคิดว่ายิงมาจากผู้เล่น ๓ คนเป็นแน่

แม้ซากกระรอกจะติดค้างอยู่บนต้นไม้ แต่ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับวานรขนทอง แขนยาวๆ ของมันแค่เกี่ยวเบาๆ ก็ไต่ขึ้นต้นไม้ไปได้อย่างคล่องแคล่ว แล้วประคองเหยื่อกลับมาให้เจ้านาย

“ฟุ่บๆๆ !”

อีกพริบตาหนึ่ง ลูกศรขนนก ๓ ดอกก็พุ่งแหวกอากาศดังหวีดหวิวออกไป กระต่ายในพงหญ้าตัวหนึ่งเพิ่งจะตื่นตัว เทพมรณะก็มาเยือนเสียแล้ว ทั้ง ๓ ดอกปักเข้าเป้าทั้งหมดดังที่คาด ด้านข้างมีสุนัขสีดำตัวหนึ่งพุ่งพรวดออกมาคาบซากกระต่ายอย่างว่องไว แล้ววิ่งกลับไปส่งให้เจ้านายของวานรเช่นกัน

หน้าไม้ถูกเก็บ แล้วดาวกระจายอันหนึ่งก็ถูกซัดออกไปถูกหมูป่าที่ด้านข้าง ตามด้วยหวดแส้ออกซ้ำใส่ไปหนึ่งครั้ง หมูป่ายังไม่ทันมีโอกาสได้นึกโมโห มนุษย์หมาป่าตัวหนึ่งก็กระโดดพรวดออกมาจากกลางอากาศ แล้วค้อนดาวตกก็จัดแจงส่งมันไปอยู่เป็นเพื่อนกระรอกบินกับกระต่ายบนสวรรค์เป็นที่เรียบร้อย

เจ้านายของเหล่าสัตว์เลี้ยงจัดการเอาเลือดและผ่าล้วงเครื่องในออกจากตัวเหยื่อทั้ง ๓ อย่างเชี่ยวชาญ จากนั้นหั่นแยกหมูป่าออกเป็นหลายชิ้นใหญ่ ค่อยหยิบกล่องคงความสดออกมาราวเสกด้วยเวทมนตร์ จากนั้นวางเนื้อลงไปในกล่องทีละชิ้นๆ

สัตว์เลี้ยงทั้งสามเองก็ไม่ได้อยู่ว่างๆ ต่างแยกย้ายกันไปเก็บกิ่งไม้แห้งตามใต้ดงไม้ในละแวกใกล้เคียง เวทมนตร์ ยิงธนู อาวุธลับ ใช้แส้ เตรียมเครื่องปรุง รวมทักษะ ๕ อาชีพอยู่ในตัวคนเดียว ผู้เล่นที่เก่งรอบตัวแบบนี้ ไม่ว่าใครได้มาเห็นเข้าก็ต้องตะลึงกันทั้งนั้นล่ะนะ !

เสียงหวานใสเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ด้านหลังว่า

“พี่เฟิงเก็บเกี่ยวได้ไม่เลวเลยค่ะ ดูท่าวันนี้คงได้มีลาภปากแน่ๆ พวกเพื่อนๆ พากันชมเปาะไม่ขาดปากเชียวนะคะ”

“หนานอี๋เองเหรอ ทำไมถึงมาด้วยล่ะ จะมาแข่งล่าสัตว์กับผมหรือ ? ผมอาจจะยิงสู้เธอไม่ได้ แต่เรื่องล่าสัตว์นี่ไม่มีทางด้อยกว่าเธอแน่ !” เป็นดังที่คาด ผู้เล่นที่เก่งสารพัดอย่างแบบนี้ นอกจากเฉินเฟิงแล้ว ยากจะหาคนที่ ๒ จริงๆ

หนานอี๋พูดเนิบๆ “พี่เฟิงล้อเล่นแล้ว พี่มีสัตว์เลี้ยงสามตัวนั้นช่วยด้วยนี่ ยังไงฉันก็สู้พี่ไม่ได้อยู่ดี ! พี่ยังโกรธอยู่อีกหรือคะ ? เมื่อกี้...ความจริงพวกเราไม่ได้หัวเราะพี่หรอกนะ แต่หัวเราะตาคนนั้นตะหาก ก็พวกนั้นน่ะน่าโมโหจะตาย พอเห็นพี่แก้แค้นให้พวกเรา ก็เลยดีใจกันเลยเถิดไปหน่อย...”

เฉินเฟิงงง “โกรธ ? ผมดูเหมือนว่ากำลังโกรธอยู่เหรอ ?”

“ตอนนี้ไม่เหมือนหรอกค่ะ...แต่เมื่อกี้อยู่ดีๆ พี่ก็เดินออกมา ทุกคนเลยนึกว่าล้อเล่นกันเลยเถิดไปหน่อย...”

เฉินเฟิงหัวเราะ “หึหึ ผมกลุ้มที่ตัวเองดันความรู้สึกช้าต่างหาก ใช่ว่าโกรธพวกเธอซะที่ไหนกันล่ะ อีกอย่างใกล้ได้เวลาอาหารเย็นแล้วด้วย ก็เลยถือโอกาสมาเดินเล่นให้สบายใจสักหน่อย เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมไม่ให้พวกสัตว์เลี้ยงช่วยก็ได้ พวกเรามาแข่งกันสักยก ดูว่าใครจะล่าเหยื่อได้ถึง ๑๐ ตัวก่อนกัน ตอนนี้พวกเรามีกันเยอะ ไม่ล่าให้มากๆ หน่อยมีหวังไม่พอกินแน่ !”

“พี่เฟิงไม่ได้ความรู้สึกช้าสักหน่อย พวกนั้นตะหากที่เจ้าแผนการเกินไป จะทำอะไรก็ไม่ยอมบอกออกมาตรงๆ สมน้ำหน้าแล้วที่โดนยันหน้าหงายกลับไปแบบนั้น ไม่โกรธก็ดีแล้วล่ะค่ะ แข่งก็แข่งสิ ใครกลัวใครกันแน่ ที่พี่ล่าได้เมื่อกี้ไม่นับนะคะ ! มาแข่งกันล่าเหยื่อใหม่ ๑๐ ตัว เอาล่ะ...เริ่มได้ !”

ยังไม่ทันขาดคำ ลูกศร ๓ ดอกก็พุ่งวาบออกไปปักใส่นกตัวหนึ่งที่บินผ่านเป็นที่เรียบร้อย

“ฉันล่าได้หนึ่งตัวแล้ว พี่เฟิงพยายามเข้านะ ! แล้วก็เหยื่อที่ล่าได้ พี่ต้องเป็นคนเก็บนา !” เสียงของหนานอี๋แว่วมาแต่ไกล

เฉินเฟิงเก็บไอเท็มแล้วส่ายหน้า พูดกลั้วหัวเราะ

“แอบวิ่งไปก่อนซะแล้ว คราวนี้ต้องเอาชนะเธอให้ได้ !” แล้วใช้คาถาท่องลมกับสองเท้า หน้าไม้กับธนูเตรียมพร้อม จากนั้นไล่ตามหลังหนานอี๋ไปอย่างรวดเร็ว

เหยื่อตัวท้ายๆ หนานอี๋จงใจล่าแต่เหยื่อขนาดใหญ่ ตัวที่ ๖ - ๗ คือกวางดาว ตัวที่ ๘ คือแพะขนาดใหญ่

ตอนล่าแพะขนาดใหญ่หวุดหวิดจะได้ไปเกิดใหม่เสียแล้ว ถ้าเฉินเฟิงไม่เข้าไปช่วยทันเวลา ยังไม่รู้เลยว่าฝ่ายไหนจะกลายเป็นอาหารเย็นกันแน่ !

เนื่องจากซากสัตว์ต้องรีบจัดการภายในเวลาจำกัด กว่าเฉินเฟิงจะจัดการกวางดาวเสร็จก็เสียเวลาไปโข พอหันไปเห็นว่าเหยื่อรายต่อไปคือแพะภูเขาขนาดใหญ่ ก็ปวดหัวตึ้บทันที ดูท่าแข่งหนนี้เขาคงแพ้แหงๆ เพียงแต่พอจะเริ่มลงมือจัดการกับซากแพะ หนานอี๋ก็ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือมาถึง จึงได้แต่ทิ้งงานรีบไปช่วยเธอก่อน

พอไปถึง ก็ไม่ทราบจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ยายหนูนี่หาเรื่องใครไม่หา ดันไปหาเรื่อง “หมูป่ายักษ์” เจ้าแห่งป่านี้เข้าให้ซะได้

หมูป่ายักษ์เป็นสัตว์เวทระดับ ๔๐ หลังจากโดนธนูไป ๔๐ - ๕๐ ดอก สันดานดุร้ายก็กำเริบ วิ่งไล่ขวิดอย่างเอาเป็นเอาตายจนหนานอี๋ต้องเผ่นป่าราบ

เฉินเฟิงยิ้มจืดๆ พลางพูดว่า “ไม่เห็นต้องเอาเป็นเอาตายขนาดนี้เลยนี่ ! เจ้านี่น่ะผมคนเดียวยังไม่กล้าไปแหยมมันเลย เธอนี่กล้าหาญจริงๆ ! ผมยอมแพ้...ผมยอมแพ้ก็ได้ เธอรักษาชีวิตเอาไว้ก่อนเถอะ ไม่งั้นผมคงไม่รู้จะกลับไปแก้ตัวกับหัวหน้าคมพิรุณยังไงดีแน่ วิ่งอ้อมมาทางผมนี่เถอะ !”

หลายฝูคาบซากหมูป่ามาตัวหนึ่ง หนานอี๋วิ่งอ้อมเป็นวงใหญ่กลับมาถึงพอดีโดยไม่กล้าลดความเร็วลง ท่าทางหอบจนแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว เฉินเฟิงรีบใช้คาถาท่องลมช่วยเธอทันที

พริบตานั้นหนานอี๋รู้สึกวิ่งสบายขึ้นมาก และฝืนใจยืดระยะห่างออกไปจากหมู่ป่ายักษ์ได้หน่อย เธอร้องบอกมาแต่ไกลว่า

“พี่เฟิง ฉันไม่ได้เอาเป็นเอาตายนะ ! ฉันล่าตัวที่หลายฝูคาบมานั่นตะหาก ใครจะไปรู้ว่าเจ้านี่จะโผล่พรวดออกมา รีบหาทางช่วยฉันหน่อยซี่ !”

พอฟังที่หนานอี๋พูดจบ เฉินเฟิงก็งงไป แล้วรีบสั่งให้หนานอี๋หาโอกาสปีนขึ้นต้นไม้ น่าเสียดายที่หน้าไม้ยาวของเธอทำให้ปีนต้นไม้ไม่สะดวก บวกกับเธอเองไม่เคยปีนต้นไม้มาก่อน จึงได้แต่วิ่งอ้อมไปรอบๆ เฉินเฟิงสถานเดียว !

ที่อนาถกว่านั้นคือ หมูป่ายักษ์ดูจะมุ่งมั่นสุดๆ เฉินเฟิงโจมตีคมวายุกับธนูใส่มันไปตั้งไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ แถมอู้คงกับอเล็กซ์ยังช่วยกันขวางอีกต่างหาก มันก็ยังเอาแต่วิ่งไล่กวดหนานอี๋ไม่ยอมเลิก

ด้วยฤทธิ์ของคาถาท่องลมทำให้หมูป่ายักษ์ทำอะไรหนานอี๋ไม่ได้ไปชั่วครู่ หลายฝูผู้รับผิดชอบหน้าที่ดีมากได้ไปคาบแพะภูเขามาใกล้ๆ ตัว เฉินเฟิงวางกับดักเอาไว้หลายอัน แล้วให้หนานอี๋ล่อมันมา น่าเสียดายที่กับดักอันกระจ้อยร้อยรั้งหมูป่ายักษ์ที่กำลังโกรธจัดไว้ไม่ไหว ทำเอาเฉินเฟิงที่หมดปัญญาโมโหจนร้องตะโกนปาวๆ บอกหนานอี๋ว่าอย่าวิ่งแล้ว เพราะถ้าเธอยังวิ่งอยู่ อเล็กซ์กับอู้คงก็จะลงมือได้ไม่เต็มที่ ส่วนตัวเขาถึงจะไล่กวดตามไปทัน แต่หมูป่ายักษ์มันไม่สนใจเขาเลย แล้วขนาดฟันใส่ไปตั้ง ๑๐ กว่าครั้ง มันก็ยังไม่ยักตาย

วกอ้อมกลับมาอีกรอบ เหตุเปลี่ยนแปลงอันเลวร้ายก็อุบัติ หมูป่า ๘ ตัวไม่ทราบโผล่มาจากที่ไหน ถึงตัวจะไม่ใหญ่เท่าหมูป่ายักษ์นั่น แต่ก็แบ่งแยกการโจมตีของอเล็กซ์กับอู้คงไปเสียแล้ว เฉินเฟิงดูปริมาณพลังจิต ก็เห็นว่าเหลืออยู่แค่ไม่ถึง ๑๐๐ จุด จึงจำใจต้องใช้ม้วนคาถาเรียกโครงกระดูกที่มีอยู่แค่ ๓ ม้วน พร้อมกับส่งข้อความขอความช่วยเหลือจากพรรคพวก

โครงกระดูกถือดาบวงเดือน ๓ ตัวผุดขึ้นมาจากพื้นอย่างกะทันหัน แล้วสกัดหมูป่าเอาไว้ ๒ ตัว อเล็กซ์กับอู้คงร่วมมือกันสกัดไว้ 1 ตัว ส่วนเฉินเฟิงดวลเดี่ยวกับหมูป่า ๑ ตัว ด้านหนานอี๋ก็ยังถูกหมูป่ายักษ์ไล่กวดอยู่เหมือนเดิม ด้านหลังยังมีหมูป่าอีก ๔ ตัวช่วยไล่กวดอีกต่างหาก ต่างพากันวิ่งไปทางภูเขาแร่เหล็ก

ครั้นหนานอี๋หายไปจากสายตา เฉินเฟิงก็ร้อนใจเป็นมดบนกระทะ แล้วยิ่งร้อนใจก็ดันยิ่งซวยเสียด้วย หมูป่าได้พุ่งเข้าขวิดอย่างกะทันหัน ตัวเขาที่ไม่ทันระวังเพราะกำลังแบ่งแยกสมาธิถูกขวิดเข้าให้เต็มรัก ระบบแจ้งให้ทราบทันทีว่าเสียเลือดไป ๕๐๐ จุด

ดูท่าจะดูถูกหมูป่าตัวนี้ไม่ได้เสียแล้ว เฉินเฟิงรีบใช้ยาฟื้นพลังระดับต่ำ ๒ ขวดรวด โชคดีที่คมพิรุณกับเฮยโถวต่างส่งข้อความมาว่ากำลังรีบมุ่งหน้ามาช่วยแล้ว ทำให้สามารถสงบใจรับศึกได้ในที่สุด

ในเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่นาที โครงกระดูก ๓ ตัวก็ถูกเก็บไป ๒ ตัว แต่ยังดีที่ฆ่าหมูป่าไปได้ ๑ ตัว กระนั้นก็ทำเอาเฉินเฟิงตกใจแทบช็อค

ถึงโครงกระดูกพวกนี้จะแข็งแกร่งสู้ตัวเขาไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็เป็นสัตว์เวทระดับ ๓๐ เชียวนะ หมูป่า ๑ ตัวต้องใช้โครงกระดูกถึง ๒ ตัวกว่าจะกำจัดได้ ดูท่าหากเป็นแบบนี้ต่อไป ตัวเขาเองอาจต้องขอความช่วยเหลือไปด้วยอีกคนแหงๆ

เฉินเฟิงสั่งให้หลายฝูไปช่วยหนุนโครงกระดูกที่เหลืออยู่แค่ตัวเดียว แล้วฉวยจังหวะว่างชั่วแล่นใช้วิชาตรวจสอบดูข้อมูลของหมูป่า ข้อมูลที่ออกมาทำเอาเฉินเฟิงตะลึง

หมูป่าเท้าขาวหนังหนา ระดับ ๓๕ สัตว์เวทธาตุดิน พลังโจมตี ๑๕๐ - ๓๕๐ จุด ทักษะพิเศษบุกทะลวง พลังโจมตีสูงสุด ๖๐๐ จุด ค่าพลังชีวิต ๔,๕๐๐ จุด พลังป้องกัน ๒๐๐ - ๔๐๐ จุด

เมื่อสูญเสียเลือดไป ๑ ใน ๒ ส่วน จะมีโอกาส ๕๐% ที่จะคลั่ง หลังจากคลั่งแล้วพลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว พลังป้องกันจะลดลง ๑๐% จุดอ่อนคือเวทมนตร์ธาตุไม้ ไม่มีจุดอ่อนด้านการโจมตีด้วยวัตถุ สามารถกำราบไว้เป็นสัตว์เลี้ยงสำหรับขี่ได้

ดูท่าหนนี้หนานอี๋ไปแหย่เอาตัวที่ไม่กระจอกเลยแม้แต่น้อยเข้าให้เสียแล้ว เฉินเฟิงส่งข้อความไปหาพรรคพวกอีกครั้งเพื่อเตือนเรื่องข้อมูลของหมูป่า แล้วหันกลับมากังวลด้านตัวเอง ถ้าเกิดหมูป่า ๓ ตัวนี้ดันคลั่งขึ้นมากันหมด มีหวังเป็นเรื่องแน่

หลังจากรู้ข้อมูลของหมูป่าแล้ว เฉินเฟิงก็เปลี่ยนวิธีสู้ โดยร่วมกันมุ่งเล่นงาน ๑ ตัวก่อน แล้วใช้ม้วนคาถาเวทมนตร์เพิ่มพลังเกราะทองคำกับชุดเกราะของตัวเอง

เฉินเฟิงรวมพลังอเล็กซ์ อู้คง หลายฝู และโครงกระดูกถือดาบวงเดือนที่เหลืออยู่แค่ตัวเดียวนั้น เปลี่ยนอาวุธเป็นแส้เทพสีหราช และเอาตัวเองเป็นเป้าโจมตีของหมูป่าเป็นส่วนใหญ่ หลังจากใช้ยาฟื้นพลังระดับต่ำไป ๗ ขวด ก็จัดการหมูป่าไป ๑ ตัวได้สำเร็จ

เหลืออีกแค่ ๒ ตัว แรงกดดันก็ไม่มากเท่าไหร่แล้ว

ทันใดนั้นเฉินเฟิงก็นึกได้ว่า “สามารถกำราบไว้เป็นสัตว์เลี้ยงสำหรับขี่ได้” นี่ถ้ามีคนขี่หมูป่าเร่งเดินทางอยู่บนถนนล่ะก็ ต้องเป็นภาพที่น่าสนุกสุดๆ ไปเลยแน่ๆ

แต่คิดก็ส่วนคิด เพราะเฉินเฟิงไม่กะจะกำราบเอาไว้เป็นสัตว์เลี้ยงจริงๆ อยู่แล้ว เพราะสัตว์เลี้ยงของเขามีมากพอแล้ว ขืนเอามาเพิ่มอีกตัว มีหวังไม่ต้องคิดจะเลื่อนระดับกันแล้ว

แต่วันนี้ท่าทางเขาจะโชคไม่ดีเอาเสียเลย เพราะเรื่องที่กำลังกลัวอยู่เมื่อครู่ได้เกิดขึ้นแล้ว หลังจากหมูป่าตัวหนึ่งโดนกระบองห่วงทองของอู้คงเข้าไปหนึ่งเปรี้ยง ก็ร้องคำรามเสียงดังคลุ้มคลั่งไปเป็นที่เรียบร้อย เขี้ยวที่โง้งออกมานอกปากขวิดจนเฉินเฟิงเจ็บแปลบ สะดุ้งตกใจจนไม่กล้าเผลอใจลอยคิดโน่นคิดนี่อีก หันมาเร่งตั้งใจสั่งการให้เหล่าสัตว์เลี้ยงโจมตีอย่างแข็งขัน

ตอนนี้เฉินเฟิงอดนึกเสียใจไม่ได้ที่ดันไม่ได้พาซวงเว่ยมาด้วย ไม่อย่างนั้นยังพอจะใช้วิธีสู้พลางหนีพลางได้โดยไม่ต้องมาปะทะตรงๆ อย่างหักโหมเหมือนตอนนี้ จากนั้นยังอดคิดถึงชุดเกราะไพธอนแดงไม่ได้ ถ้าตอนนี้ใช้มันได้ล่ะก็ คงจะเจ็บตัวน้อยกว่านี้มาก

หมูป่าพุ่งเข้าบุกทะลวงขวิดอีกครั้ง โครงกระดูกตัวสุดท้ายถูกเก็บไปในที่สุด หลังจากคลั่งแล้วยังโจมตีมั่วซั่วเสียด้วย ทำเอาเฉินเฟิงตกใจจนรีบเรียกหลายฝูถอยออกไปก่อนชั่วคราว

หลายฝูวิ่งเร็วมากก็จริงอยู่ แต่แย่ตรงพลังชีวิตน้อยไปหน่อย เพราะเต็มที่มีอยู่แค่ ๒,๕๐๐ จุดเท่านั้น ถ้าหมูป่าสองตัวรู้จักประสานกันโจมตีล่ะก็ มีหวังเขาช่วยไม่ทันแน่

หมูป่าอีกตัวที่ตายยากตายเย็นก็พลอยคลั่งไปด้วยเสียแล้ว แรงกดดันของเฉินเฟิงเพิ่มขึ้นเท่าตัวในทันที ยาฟื้นพลังระดับกลางและระดับสูงถูกใช้เป็นว่าเล่น ถ้าไม่เพราะตอนแรกเขาใช้ม้วนคาถาเพิ่มพลังเกราะทองคำป้องกันไว้ก่อนล่ะก็ ตอนนี้มีหวังลงไปนอนเสียนานแล้ว

เวลานั้นเองได้มีคนส่งสัญญาณขอรวมกลุ่มมาถึง เฉินเฟิงเหลือบดูข้อมูล ชื่อของผู้เล่นคือสองแสงกล้า ระดับ ๓๘ อาชีพนักรบคลั่ง

ในเมื่อเป็นนักรบคลั่งระดับ ๓๘ อย่างนั้นน่าจะต้านรับการโจมตีของหมูป่าที่กำลังคลั่ง ๒ ตัวได้ เฉินเฟิงเลือกตกลงทันทีโดยไม่ทำเป็นอวดเก่ง

หลังจากรวมกลุ่มสำเร็จแล้ว คนที่มาก็ใช้ทักษะพิเศษ “นักรบคลุ้มคลั่ง” ของนักรบคลั่งทันที ขวานสองคมขนาดใหญ่ถูกควงอย่างง่ายดายเหมือนเป็นของเด็กเล่นยังไงยังงั้น ร่างกายที่เดิมมีขนาดใหญ่กว่าปกติหนึ่งเบอร์อยู่แล้วได้ขยายใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อยหลังจากใช้ทักษะพิเศษนี้ แค่ไม่กี่นาทีก็จัดการหมูป่าที่กำลังคลั่งลงได้สำเร็จ

ตอนนั้นเองเฉินเฟิงค่อยว่างพอจะหันไปดูว่าคนที่มาคือใคร แล้วคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคนที่เข้าใจเขาผิดที่ภูเขาแร่เหล็กคนนั้นนั่นเอง ดูท่าคนคนนี้จะใจกว้างมากเลยทีเดียว เพราะขนาดถูกพวกเขาหัวเราะเยาะก็ยังไม่ถือสา

ความจริงเขาเองอยากจะไปหาอีกฝ่ายเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ทราบจะออกปากอย่างไรดี ส่วนอีกฝ่ายเห็นเขามีภัย ยังเข้ามาช่วยเหลือโดยไม่ถือสาที่มีเรื่องกันก่อนหน้านี้ นับว่าเป็นเพื่อนที่คู่ควรแก่การคบหาจริงๆ

 

ขณะที่คาถาท่องลมที่เท้าของหนานอี๋กำลังจะหมดฤทธิ์ กองหนุนที่มาช่วยก็ได้มาถึงในที่สุด สามนักดาบแห่งขบวนนักเวทและสัตว์มาถึงปุ๊บ ก็สกัดหมูป่าไว้คนละตัวทันที เฮยโถวกับอู่ชิวเฟิงร่วมกันสกัดไว้ ๑ ตัว คนที่เหลือ ๑๐ คนช่วยคุ้มครองหนานอี๋พร้อมกับรับมือหมูป่ายักษ์เจ้าแห่งผืนดิน

ด้วยความช่วยเหลือจากคาถาแช่แข็งของคมพิรุณ ทำให้หนานอี๋รอดพ้นจากภาวะได้แต่เผ่นป่าราบสถานเดียวไปได้ในที่สุด จวงหย่วนจื้อใช้ “ทักษะระดมแทง” ซึ่งเป็นทักษะย่อยของนักดาบติดๆ กัน ๒ ครั้ง โดยกะจะรวบรัดการต่อสู้ทางด้านนี้ให้จบลงเร็วที่สุด เพราะเมื่อกี้เจี๋ยเต๋อเพิ่งจะเตือนทุกคนว่า เฉินเฟิงเองอาจจะกำลังตกอยู่ในอันตรายด้วยก็ได้ !

ระดมแทงสองครั้งยังฆ่าหมูป่าลงไม่ได้ จังหวะนั้นข้อความเตือนจากเฉินเฟิงว่าหมูป่าสามารถคลั่งได้ดันเพิ่งจะมาถึง ซึ่งก็ช้าเกินไปเสียแล้ว จวงหมิ่นเจิ้งกับจวงอานเฟิงเองก็ใช้ทักษะระดมแทงไปติดๆ กันสองครั้งเลียนแบบจวงหย่วนจื้อ จากนั้นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก็อุบัติขึ้นทันที !

หมูป่า ๓ ตัวแทบจะเกิดอาการคลั่งพร้อมกัน ชั่วขณะนั้นสามนักดาบแห่งขบวนนักเวทและสัตว์ต่างก็ได้ลิ้มรสชาติแห่งความทุลักทุเลกันถ้วนหน้า ฉินซวง กระต่ายคลั่งหนีจาก และเจี๋ยเต๋อ ได้แต่แยกย้ายกันไปช่วยหนุนสามนักดาบ ด้วยเหตุนี้หมูป่ายักษ์ที่มีคนรุมสกัดน้อยลงจึงได้โอกาสแผลงฤทธิ์อีกครั้ง ถึงแม้คนที่รับมือมันจะยังมีอีกถึง ๗ คน น่าเสียดายที่ไม่มีคนไหนถนัดการต่อสู้ประชิดตัวเลยสักคน

เฮยโถวกลืนไม่เข้าคายไม่ออกสุดๆ เพราะถ้าสู้สุดกำลัง เกิดหมูป่าตัวนี้พลอยคลั่งไปด้วยอีกตัว ผลลัพธ์นี่ไม่อยากจะคิด เพราะไม่มีใครจะมาช่วยสนับสนุนได้อีกแล้ว ถ้าจะให้อู่ชิวเฟิงช่วยสกัดเอาไว้ให้ก่อน ก็กลัวว่าพลังของอู่ชิวเฟิงจะมีไม่พอ กลายเป็นจะสู้ก็ไม่ได้ จะไม่สู้ก็ไม่ได้อีก

พวกสาวๆ ต่างโดนหมูป่าไล่กวดจนเผ่นป่าราบกันอีกครั้ง แม้ทุกคนจะร้อนใจกันถ้วนหน้า แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ โดยเฉพาะพวกที่กำลังรับมือหมูป่าที่กำลังคลั่งทั้ง ๖ คน พลังโจมตีสองเท่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าเจอของแข็งเข้าให้เต็มๆ ชั่วขณะนั้นแสงของยาฟื้นพลังกะพริบวูบวาบไปทั่วอีกครั้ง

เฮยโถวเห็นสถานการณ์ชักจะเลวร้าย จึงใช้ทักษะพิเศษนักรบคลุ้มคลั่งออกไปจนได้ เจี๋ยเต๋อสลับตำแหน่งกับเฮยโถวในพริบตา ซึ่งแน่นอนว่านี่เป็นแผนของเจี๋ยเต๋อ เฮยโถวที่ร่วมมือกันมาจนชินทำตามทันทีโดยไม่ถามให้เสียเวลา แล้วทักษะนักรบคลุ้มคลั่งก็กำจัดหมูป่าที่กำลังคลั่งตัวนี้สำเร็จจริงๆ

เสนาธิการอะไรก็ได้แห่งขบวนนักเวทและสัตว์เองก็ได้สติจากภาวะชุลมุนในที่สุด เมื่อจวงอานเฟิงได้รับคำสั่ง ก็หันไปรับมือหมูป่าที่เจี๋ยเต๋อกับอู่ชิวเฟิงกำลังสู้อยู่ทันที หมูป่าที่ยังไม่คลั่ง เขาคนเดียวก็รับมือได้แล้ว ส่วนเจี๋ยเต๋อ เฮยโถว และอู่ชิวเฟิง ๓ คนหันกลับไปช่วยรับมือหมู่ป่ายักษ์ต่อทันที

เมื่อหนานอี๋กับเฟิงฉิงได้รับคำสั่ง ก็ใช้ทักษะพิเศษ “หมื่นศรทะลวงใจ” รัวยิงออกไปทันทีโดยไม่ถาม ต่างสกัดหมูป่าที่กำลังคลั่งไว้คนละตัว พริบตานั้นลูกศรเหมือนพ่นไฟได้ยังไงยังงั้น ลูกศรจำนวนนับไม่ถ้วนที่ระดมยิงออกไปติดๆ กันส่งผลให้หมูป่าคลั่งเลื่อนขั้นเป็นหมูป่าเม่นไปในพริบตา เพียงแต่เขี้ยวของมันคงไม่อาจเสยใส่ใครได้อีกแล้วเท่านั้น

จวงหย่วนจื้อกับจวงหมิ่นเจิ้งไม่รีบร้อนกลับไปช่วยรับมือหมูป่ายักษ์ แต่ไปช่วยจวงอานเฟิงจัดการกับหมูป่าที่เหลืออยู่แค่ตัวเดียวก่อน สามนักดาบแห่งขบวนนักเวทและสัตว์รุมจัดการหมูป่าตัวเดียวมีหรือจะไม่ง่ายยิ่งกว่าง่าย แค่ลงไม้ลงมือไป ๒ - ๓ ที หมูป่าก็ขึ้นสวรรค์ตามพี่น้องของมันไปอย่างไม่เต็มใจ

ชั่วพริบตาเดียวสถานการณ์ก็พลิกกลับเป็นคลี่คลาย คน ๑๖ คนรับมือกับหมูป่ายักษ์ตัวเดียว ทำเอามันหอบแฮ่กจนไม่มีแม้แต่โอกาสจะใช้ท่าบุกทะลวง ตอนนี้กลัวก็แต่มันจะพลอยคลั่งไปด้วยอีกตัวเท่านั้น

กระต่ายคลั่งหนีจาก ฉินซวง และปีกของซาตาน ๓ คน เนื่องจากเดิมทีไม่ได้เป็นสมาชิกของ ๒ กลุ่มนี้ จึงไม่ได้รับคำสั่งลงมือแต่อย่างใด พวกเขายังไม่ได้ใช้ทักษะพิเศษกันเลยด้วยซ้ำ !

ตอนแรกที่เริ่มสู้ ทักษะย่อยระดมแทงของสามนักดาบแห่งขบวนนักเวทและสัตว์ไม่แค่ไม่ประสบผล แถมกลับทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ทำให้ทั้งสามไม่กล้าซี้ซั้วใช้ทักษะของตัวเอง ต่อมาพอเห็นการสั่งการของเสนาธิการทั้งสองส่งผลให้สถานการณ์พลิกกลับกลายไป ๑๘๐ องศา ก็พากันบอกว่าพวกตนยังมีทักษะพิเศษที่ยังไม่ได้ใช้อยู่ และยกให้เสนาธิการทั้งสองเป็นผู้ตัดสินใจว่าควรจะใช้ในเวลาไหนและยังไงดี

อะไรก็ได้กับเจี๋ยเต๋อมองหน้ากันแล้วยิ้ม ต่างสามารถรู้ความคิดอีกฝ่ายได้ในทันที อะไรก็ได้ไม่มัวเกรงอกเกรงใจอีก สั่งการให้สามนักดาบถือโล่ล้อมไว้ทั้ง ๓ ด้าน ส่วนอู่ชิวเฟิง เจี๋ยเต๋อ เฮยโถว ถอยออกมา กระต่ายคลั่งหนีจากกับฉินซวงใช้ทักษะย่อยระดมแทงออกไปทันควัน จากนั้นปีกของซาตานใช้ทักษะพิเศษหมื่นศรทะลวงใจตามออกไปติดๆ ถัดไปเข้าออกเรือนอย่างปลอดภัย หยกม่วง หนานอี๋ เฟิงฉิง ช่วยยิงศรสนับสนุน

ภายใต้การหมุนเวียนระดมโจมตีอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทุกคน ในที่สุดหมูป่ายักษ์ก็มีอันต้องก้มหัวยอมสยบไปในที่สุด

 

การเข้ามาช่วยของสองแสงกล้าทำให้เฉินเฟิงค่อยมีโอกาสได้หายใจ เมื่อพลังชีวิตฟื้นฟูจนเต็มเปี่ยม เขาก็รีบเปลี่ยนไปใช้ค้อนยักษ์ที่เคยใช้แค่ไม่กี่ครั้งทันที

ถึงแม้หมูป่าที่กำลังคลั่งจะมีพลังโจมตีเพิ่มเป็นเท่าตัว แต่ก็มีจุดอ่อนเช่นกัน นั่นคือความเคลื่อนไหวจะค่อนข้างช้า

จุดด้อยเดียวกันของอาวุธประเภทอาวุธหนักคืออัตราการถูกเป้าหมายมีน้อย แต่พลังทำลายจะสูงมาก ที่เมื่อกี้เฉินเฟิงตกอยู่ในสภาวะคับขัน เป็นเพราะสัตว์เลี้ยงทุกตัวตางต้องสู้ไปพลางวิ่งไปพลาง บวกกับพลังชีวิตของเขาเองก็ไม่สูงอะไรมากนัก จะแบ่งแยกสมาธิทำหลายสิ่งพร้อมๆ กันก็ไม่ได้เสียด้วย ทำให้มีพลังโจมตีทั้งทีแต่ดันไม่มีโอกาสแสดงออก

ส่วนสองแสงกล้าเป็นนักรบคลั่งที่ถนัดการปะทะตรงๆ อย่างหักโหมอยู่แล้ว เมื่อมีโล่กล้ามเนื้อนี้ บวกกับค้อนดาวตก กระบองห่วงทอง และค้อนยักษ์ ซึ่งเป็นอาวุธหนักทั้งนั้น ก็สามารถยุติการต่อสู้อันดุเดือดฉากนี้ลงได้ในที่สุด ขณะที่เฉินเฟิงกำลังจะพูดขอบคุณ ทันใดนั้นฟ้าดินได้เปลี่ยนสี แล้วเห็นเทพมังกรสัตตรงค์เหาะลงมาจากฟากฟ้าแต่ไกล

“เทพมังกรผู้มอบอาชีพ !” สองแสงกล้ามองเฉินเฟิงอย่างตกตะลึง อีกฝ่ายได้อาชีพแล้วไม่ใช่หรือ ? หรือมีอาชีพที่สองได้ด้วย ?

คำตอบนี้มีแต่ต้องรอให้เฉินเฟิงกลับมาก่อนถึงจะได้ทราบเสียแล้ว เพราะยังไม่ทันได้เอ่ยปากถาม เฉินเฟิงก็บอกลาเขาไปเรียบร้อย

ข้างคนอีกกลุ่มหนึ่งเองก็ปากอ้าตาค้างไปเหมือนกัน นั่นคือพวกขบวนนักเวทและสัตว์กับเฮยโถวที่เพิ่งจะไล่ตามมาทันเห็นฉากนี้เข้าพอดี แต่ตอนที่พวกเขาเห็นสองแสงกล้า ระดับความตกตะลึงก็มีไม่น้อยไปกว่าที่ได้เห็นเทพมังกรผู้มอบอาชีพ เพราะพวกเขาเคยได้ยินมาจากเฉินเฟิงอยู่ก่อนแล้วว่าสามารถมีอาชีพได้มากกว่า ๒ อาชีพ

 

ตกกลางคืน ทุกคนเอากระโจมมากางล้อมเป็นวงใหญ่ ตรงกลางก่อกองไฟเอาไว้ หยกม่วงกับเฉินเฟิงสองเชฟยอดฝีมือย่างเนื้อกำลังเตรียมย่างหมูป่าที่เพิ่งอาละวาดไปหมาดๆ ก่อนหน้านี้

สองแสงกล้าลากพรรคพวกของตัวเองอีก ๕ คนอันได้แก่ วณิพกลอยชาย , โลมาสีม่วง , สฺยงป้าต้าตี้ , ส้มโอ และตัวใหญ่ มาร่วมวงด้วย ทั้งกลุ่มใหญ่พากันสนทนาฮาเฮอย่างสนุกสนาน

ในที่สุดเฉินเฟิงก็ไขความกระจ่างให้กับพวกสองแสงกล้าทั้ง ๖ คน นั่นคืออีเตอร์ที่เขาใช้ไม่ใช่ไอเท็มพิเศษแต่อย่างใด เพียงแต่ใส่เวทมนตร์เพิ่มเข้าไปด้วยเท่านั้น ส่วนคนทั้ง ๖ เองก็ได้รับทราบข่าวสารว่าสามารถมีอาชีพได้มากกว่าหนึ่งอาชีพ ซึ่งกลุ่มของพวกสองแสงกล้าเองเนื่องจากไม่อยากจะเล่นอาชีพเดียวกันหมดทุกคน และไม่อยากจะแยกกันเล่น จึงมีสภาพคล้ายคลึงกับพวกเฮยโถว ดูท่าทางกลุ่มคนที่เป็นแบบเดียวกันนี้จะมีไม่ใช่น้อยๆ เลย !

วณิพกลอยชายกับโลมาสีม่วงพากันขอโทษพวกสาวๆ ทุกคน ซึ่งความจริงที่ใช้กล้องส่องทางไกลไม่ใช่เพราะจะดูพวกเธอ หลังจากความเข้าใจผิดคลี่คลาย ต่างก็มาร่วมวงสรวลเสเฮฮากันอย่างกลมเกลียว

ตอนแรกทุกคนอดบ่นกระปอดกระแปดกับของที่พวกหมูป่าระเบิดให้ไม่ได้ หมูป่าที่จัดการยากถึงขนาดนี้ดันให้เงินมาแค่ ๑,๐๐๐ กว่าเหรียญเงินกับม้วนคาถาแค่ไม่กี่ม้วน และยาฟื้นพลังอีกนิดหน่อย แต่เมื่อหมูป่าหันจานใหญ่ถูกวางลงตรงหน้า กลิ่นหอมหวนชวนน้ำลายหกลอยมากระทบจมูก คำบ่นทั้งหลายแหล่ก็หายไปกับสายลมทันที

อาชีพที่สองที่เฉินเฟิงได้คืออาชีพพราน ได้ฉายาแรกเริ่มของอาชีพเพิ่มมาอีกหนึ่ง คือ “พรานน้อย” ทักษะพิเศษก็ได้ทักษะหมื่นศรทะลวงใจ คาถาเดินเร็ว และศรพิรุณโปรย ๓ ชนิด เนื่องจากไม่มีค่าประสบการณ์เหลือแล้ว ดังนั้นจึงได้มาแต่ขั้น ๑ ทั้งหมด นอกจากนี้ยังได้รับหน้าไม้ยาวและรองเท้าบู้ทหนังขนนกมาด้วย

ตอนที่การต่อสู้สิ้นสุดลง ทักษะยิงรัว , อาวุธลับ , ใช้ยันต์ , ใช้อาวุธหนัก , กับดัก , เลือดฐาน , ช่วยชีวิต และหลบหลีก ต่างก็เลื่อนขึ้น ๑ ระดับ และระดับของทักษะหลบหลีกนี่เองที่บรรลุถึงระดับของเงื่อนไขในการได้อาชีพ ที่ผ่านๆ มาเฉินเฟิงแทบไม่มีโอกาสให้ได้หลบหลีกสักเท่าไรนัก นับว่าศึกอันแสนทุลักทุเลครั้งนี้ให้ผลพลอยได้ที่คาดไม่ถึงจริงๆ

เฉินเฟิงที่มีประสบการณ์มาแล้วครั้งหนึ่งย่อมไม่ลืมที่จะถามว่าต้องมีทักษะใดในระดับไหนบ้างถึงจะบรรลุเงื่อนไขในการได้อาชีพพราน NPC ตอบว่าอาชีพพรานต้องมีทักษะธนู ระดับ ๕ , ทักษะยิงรัว ระดับ ๕ , ทักษะกับดัก ระดับ ๓ , ทักษะหลบหลีก ระดับ ๔ , ทักษะเตรียมเครื่องปรุง ระดับ ๓ , ทักษะพรางกาย ระดับ ๒ และทักษะใช้ของแลกของ ระดับ ๒ ทั้งหมด ๗ ทักษะ

คิดไม่ถึงเลยว่าจะขาดแค่ทักษะง่ายๆ นี้อย่างเดียวเท่านั้น รู้กับไม่รู้นี่แตกต่างกันมากจริงๆ

ถ้ารู้แต่แรกว่าต้องมีทักษะไหนบ้าง การจะได้อาชีพพรานก็ง่ายเอามากๆ เพราะทักษะที่ต้องการทั้งไม่ต้องไปคลี่คลายภารกิจ และไม่ใช่ทักษะจำพวกสร้างหรือเบิกเนตรที่จำเป็นต้องประยุกต์ใช้ไอเท็มบางอย่าง มิน่าเล่าผู้เล่นที่ได้อาชีพพรานถึงได้มีกันไม่ใช่น้อยเลย แค่ในกลุ่มตอนนี้ที่เป็นพรานก็มีหนานอี๋ เฟิงฉิง ปีกของซาตาน และวณิพกลอยชายรวม ๔ คนเข้าไปแล้ว แต่พวกนี้ก็เป็นเหมือนเฮยโถว นั่นคือได้แต่ทำตามที่ NPC บอกให้ทำงกๆ โดยไม่เคยคิดจะถามคำถามอะไรเลย

ความจริงหลังจากที่วณิพกลอยชายได้อาชีพพรานแล้ว ยังเคยคิดจะยกเลิกแล้วไปสมัคร username ใหม่ด้วยซ้ำ เพราะเขาไม่อยากจะเล่นเป็นนายพรานเลยสักนิด แต่เป็นเพราะพรรคพวกทุกคนช่วยกันห้าม ถึงค่อยเลิกล้มความคิดนี้ และเมื่อได้มาทราบในตอนนี้ว่าสามารถมีอาชีพได้มากกว่าหนึ่งอาชีพ ก็นึกดีใจที่ตอนนั้นไม่ได้ใจร้อนรีบไปสมัคร username ใหม่ เพราะพูดตามจริงแล้วระดับและทักษะในเกมราชาฯไม่ใช่ฝึกกันได้ง่ายๆ เลย !

ส้มโอคิดแผนการที่ยอดเยี่ยมขึ้นมาได้ ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยให้ทุกคนสามารถขุดแร่ได้เร็วขึ้นเท่านั้น แถมเฉินเฟิงยังไม่ต้องทำงานฟรีอีกด้วย หลังจากทุกคนได้ฟังแล้วต่างก็เห็นด้วยว่าแผนนี้ใช้ได้จริง หลังจากที่เฉินเฟิงเองก็เห็นด้วยแล้ว ทุกคนก็ตกลงกันว่าพรุ่งนี้เช้าจะเริ่มทำตามแผนนี้

ความจริงแผนของส้มโอนั้นง่ายมาก และเป็นแผนที่เอื้อประโยชน์ต่อทุกคนอย่างแท้จริง รายละเอียดคือให้เฉินเฟิงรับผิดชอบใช้เวทมนตร์ แต่ตัวเฉินเฟิงเองไม่ต้องขุด ค่าตอบแทนที่เขาจะได้คือ ให้คนที่ได้รับการใช้เวทมนตร์ช่วยเหลือทุกคนแบ่งแร่ส่วนที่ตัวเองขุดได้ให้เฉินเฟิงเป็นจำนวน ๑/๔

แต่ตอนแรกแผนนี้เองก็ยังมีปัญหาอยู่ เพราะพลังจิตมีจำนวนจำกัด ซึ่งก็มีไม่มากพอจะใช้ช่วยคนจำนวนมากถึงขนาดนี้ได้ แต่หลังจากที่อะไรก็ได้ เสนาธิการของขบวนนักเวทและสัตว์ช่วยกันคิดหาวิธีกับเฉินเฟิง ก็คิดวิธีแก้ปัญหานี้ออกในเวลาอันรวดเร็ว

ขอแค่ทุกคนช่วยกันออกกระโจมเพิ่มมาหนึ่งหลัง เนื่องจากกระโจมมีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูพลังได้เร็วกว่าปกติครึ่งเท่า บวกกับทักษะภวังคจิต ปัญหานี้ก็คลี่คลายไปได้อย่างราบรื่น

อย่าว่าแต่ทุกคนไม่มีทางออนไลน์ตลอดเวลาได้อยู่แล้ว ให้ทุกคนผลัดกันพักผ่อน จากนั้นแบ่งเวรกันไปซื้อน้ำกับไอเท็มที่จำเป็น ซึ่งคาดว่าแบบนี้น่าจะทำให้รายรับของทุกคนเพิ่มขึ้นได้ไม่น้อยกว่าหนึ่งเท่าตัว

เช้าวันถัดมา ผู้เล่นทุกคนต่างก็ได้เห็นว่าที่ข้างๆ ภูเขาแร่เหล็กมีกระโจมเพิ่มมาหนึ่งหลัง แต่ไม่ได้มีผู้เล่นเข้าไปพักผ่อนอยู่ในนั้นแต่อย่างใด เพราะทุกๆ ครึ่งชั่วโมง จะได้เห็นผู้เล่นพากันถืออีเตอร์เดินเข้าๆ ออกๆ ทุกคนต่างก็คาดเดากันไปต่างๆ นาๆ ว่านั่นเขากำลังทำอะไรกันแน่

นอกจากนี้ค่อยๆ มีคนสังเกตเห็นว่า คนกลุ่มนี้ต่างก็ขุดแร่ได้เร็วกว่าผู้เล่นทั่วไปมาก ในที่สุดก็มีผู้เล่นที่ทนไม่ไหวเดินเข้าไปลองถามดู ที่น่าประหลาดใจคือ หลังจากผู้เล่นที่เข้าไปถามทุกคนถามจบ ก็จะเข้าไปร่วมกันขุดที่บริเวณนั้นด้วยทันที จากนั้นต่างก็ถืออีเตอร์เดินเข้าออกกระโจมนั้นทุกครึ่งชั่วโมงต่อหนึ่งครั้งเหมือนกัน

จวบกระทั่งคนกลุ่มนี้เพิ่มจำนวนเป็น ๕๐ คน ผู้เล่นที่เข้าไปถามหลังจากนี้ก็เปลี่ยนเป็นเดินจากมาด้วยสีหน้าผิดหวัง หลังจากนั้นที่กระดานประกาศข่าวในเมืองก็มีประกาศรับสมัครคนแบบพิลึกๆ นี้โผล่ขึ้นมา

รับสมัครจอมเวทธาตุแสงด่วน งานสบาย รับประกันรายได้วันละ ๕,๐๐๐ เหรียญเงิน ผู้สนใจโปรดติดต่อ xxx

หลินโหม่ว เข้าร่วมเมื่อ 3 ก.พ. 2555, 08:44

0 ความคิดเห็น