หัวข้อ : เล่มที่ ๑ ยอดฝีมือซื่อบื้อ ตอนที่ ๓ โชคเคราะห์เคียงคู่

โพสต์เมื่อ 2 ก.พ. 2555, 20:19

ตอนที่

 

โชคเคราะห์เคียงคู่

 

 

ฮาร์ท ผู้ดูแลคลังเก็บไอเท็ม อธิบายอัตราค่าธรรมเนียมอย่างคล่องแคล่ว

“ตอนฝากของไม่ต้องชำระเงินครับ แต่ต้องชำระตอนรับของกลับ ผู้เล่นแต่ละท่านมีพื้นที่สำหรับฝากของ ๑๐๐ ชนิด ของหรือไอเท็มชนิดเดียวกัน ไม่ว่าจะมีจำนวนเท่าไร ก็นับเป็น ๑ ชนิด ส่วนอาวุธ ๑ ชิ้นจะนับเป็น ๑ ชนิด เครื่องป้องกัน ๑ ชุดนับเป็น ๑ ชนิด ค่าธรรมเนียมแต่ละครั้งคือ ๓๐ เหรียญเงิน แต่มีบางที่จะเก็บค่าธรรมเนียม ๕๐ เหรียญเงินครับ”

หลังจากฝากของเรียบร้อยแล้ว เฉินเฟิงเอาติดตัวไปแต่เป้ ชุดเกราะหนัง กระเป๋าคาดเอว กาน้ำ กล่องใส่อาหาร แหวนสองวง ม้วนคาถาธาตุความมืด ๑ ม้วน ม้วนคาถาธาตุพิษ ๑ ม้วน ม้วนคาถาคืนชีพ ๑ ม้วน ม้วนคาถากลับบ้าน ๖ ม้วน ม้วนคาถาปลดผนึก ๓๐ ม้วน หน้าไม้เหล็กกล้ากับลูกดอก ๓ กระบอก และดาบสั้น ที่เหลือนอกจากนี้ทั้งหมดฝากไว้กับคลังเก็บไอเท็ม

ส่วนนี่เป็นข้อแนะนำที่ฮาร์ท ผู้ดูแลคลังเก็บไอเท็มแนะนำมาเพราะเห็นว่าเขาเพิ่งจะมาใช้บริการคลังเก็บไอเท็มเป็นครั้งแรก ฮาร์ทบอกว่าดาบสั้นแบบนี้เป็นที่นิยมใช้กันมากในเกาะเริ่มต้น หากตั้งราคาต่ำสักนิดจะขายหมดเกลี้ยงได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้านำติดตัวไปทวีปอื่น ก็มีแต่ต้องขายให้กับร้านขายอาวุธ

แต่เพื่อให้สามารถขายของได้ ก็ต้องไปที่ร้านขายไอเท็ม เพราะถ้าไม่คิดตะโกนขายเป็นไอ้บ้า ก็ต้องมีไอเท็มสำหรับวางแผงขายของ

แฟนนี่ เจ้าของร้านขายไอเท็มแนะนำว่า ถ้าซื้อยาฟื้นพลังระดับต่ำรวดเดียว ๑๐๐ ขวด จะได้รับส่วนลด ๕% แต่ยาฟื้นพลังต้องใส่ไว้ในชุดเกราะเสียก่อนถึงจะใช้งานได้ ซึ่งชุดเกราะหนังไพธอนแดงของเฉินเฟิงก็ใส่ได้ ๑๐๐ ขวดพอดี โดยใส่ไว้ในเกราะท่อนบน ๕๐ ขวด ใส่ไว้ในรองเท้าบู้ท ๕๐ ขวด

นอกจากนี้เขายังซื้อไอเท็มแปลกๆ อีกสารพัด มีแผนที่โลก ๑ ใบ , อีเตอร์ ๑ ด้าม , เลื่อย ๑ ปื้น , ค้อนเหล็ก ๑ อันพร้อมด้วยทั่งเหล็ก , จอบยา[1] ๑ เล่ม , กล่องคงความสดสำหรับใส่สมุนไพร ๑ ใบ , เชือก ๑ ขด , ตะขอสำหรับปีน ๑ ตัว , ห่ออาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงห่อเล็ก ๑๐ ห่อ , คันเบ็ด ๑ คันพร้อมเหยื่อปลอม , แว่นขยาย ๑ อัน , แว่นย่อส่วน ๑ อัน , ผ้า ๑ ผืน , มีดทำครัว ๑ เล่มพร้อมเขียง , ปากกา ๑ กล่องพร้อมสมุดโน้ตเป็นต้น แฟนนี่ได้อธิบายของทุกสิ่งอย่างละเอียด สุดท้ายเฉินเฟิงก็ซื้อไอเท็มทั้งหมดที่มีในร้านอย่างน้อยชนิดละ ๑ ชิ้น เงินในกระเป๋าจึงถูกใช้จนเกลี้ยง

โชคดีที่เขามีเป้ความจุมหาศาล ไม่อย่างนั้นถึงจะมีปัญญาซื้อ ก็ไม่มีปัญญาแบก

ก่อนเฉินเฟิงจะไป แฟนนี่ได้แถมหุ่นหญ้าแทนตัวให้เป็นพิเศษหนึ่งตัว ให้เขาใส่ไว้ที่หมวก โดยบอกว่ามันจะช่วยชีวิตเขาได้หนึ่งครั้ง ถือเป็นการขอบคุณที่เขาช่วยอุดหนุน

ที่เขาซื้อของกองพะเนินขนาดนี้ ก็เพื่อจะเป็นพ่อค้าแผงลอย และการจะเป็นพ่อค้าแผงลอย ก็ต้องมีไอเท็มอย่างหนึ่ง นั่นคือ “ผ้าหนึ่งผืน” เพียงแต่แฟนนี่ขายเก่งมาก ขายจนดูดเงินในกระเป๋าเฉินเฟิงไปหมดเกลี้ยงถึงค่อยยอมหยุด โชคดีที่นี่ไม่ใช่เงินทั้งหมดของเขา ไม่อย่างนั้นเขาคงได้เหลือเงินแค่ไม่กี่เหรียญแน่

สุดท้ายเฉินเฟิงกลับไปที่ข้างๆ ฮาร์ท ผู้ดูแลคลังเก็บไอเท็ม เพราะที่นั่นเป็นจุดที่มีคนไปมาพลุกพล่านที่สุด แล้วตั้งแผงแบกะดินขายดาบสั้นที่ข้างลานกว้างตามที่ฮาร์ทแนะนำ

เมื่อเฉินเฟิงเอาดาบสั้นทั้งหมดที่มีวางเรียงบนผ้าเสร็จเรียบร้อย ในศีรษะก็มีเสียงแจ้งจากระบบดังขึ้น

ผู้เล่นเฉินเฟิงปฏิบัติตามเงื่อนไข แสดงทักษะพื้นฐานของพ่อค้าลุล่วง ได้รับทักษะ ‘ตั้งแผงลอย’ ของพ่อค้า ระดับที่ ๑”

เฉินเฟิงอดคิดในใจไม่ได้ว่า “เกมนี้มันไม่ได้ซับซ้อนแบบธรรมดาๆ เลยนะเนี่ย !”

เฉินเฟิงนั่งหง่าวเฝ้าแผงของตัวเองมาสองชั่วโมงเต็มๆ อย่าว่าแต่ลูกค้าเลย กระทั่งแมลงวันสักตัวยังไม่เฉียดกรายมาเยี่ยม ทำให้หมดศรัทธากับคำพูดของพวก NPC ไปโข เห็นพล่ามเป็นคุ้งเป็นแคว สุดท้ายก็แค่จะหาทางดูดเงินจากเขาให้ได้มากที่สุดเท่านั้น ยิ่งคิดเฉินเฟิงก็ยิ่งเดือดปุดๆ สุดท้ายแหกปากด่าเช็ดอยู่ในใจ

ฮาร์ทที่อยู่ข้างๆ จามออกมาทันที แล้วเหลียวซ้ายแลขวา สุดท้ายสายตามาหยุดลงที่เฉินเฟิง หลังจากไล่ลูกค้า ๒ - ๓ คนที่แค่เข้ามาคุยเล่นเฉยๆ ไปแล้ว ฮาร์ทก็มาที่หน้าแผงของเฉินเฟิงแล้วพูดว่า

“เฉินเฟิงพี่ท่าน ดูเหมือนจะมีใครบางคนไม่พอใจผมเอามากๆ ทำไมนะผมถึงรู้สึกว่ามีใครกำลังสรรเสริญบุพการีผมอยู่ ?”

เฉินเฟิงตะลึง ทำเป็นกระแอมแก้เก้อ

“เป็นไปได้ยังไงครับ ? คุณฮาร์ทช่วยบริการแต่สิ่งดีๆ ให้คนตั้งมากมาย จะไปมีคนไม่พอใจคุณได้ยังไงกัน ? คุณคิดไปเองมากกว่า ! จริงสิ เมื่อไหร่จะเลิกงานหรือครับ ผมอยากจะเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อ เพราะยังไม่ได้ขอบคุณที่คุณช่วยแนะนำผมเลย”

น่าเสียดายที่หากกล่าวตามหลักจิตวิทยาแล้ว เฉินเฟิงยังต้องศึกษาอีกมาก เพราะอยู่ๆ ก็ไปทำดีกับเขาอย่างผิดปกติแบบนี้ ต่อให้ใช้นิ้วหัวแม่เท้าตรองดูก็รู้ว่าเฉินเฟิงกินปูนร้อนท้อง !

ฮาร์ทยักไหล่ “เป็นอะไรไป ? ขายไม่ค่อยได้สินะครับ ตอนนี้ผู้เล่นที่มีเงินยังค่อนข้างน้อย ให้ดึกกว่านี้หน่อยผู้เล่นที่รวยๆ ก็แห่กันออนไลน์แล้วล่ะน่า จะให้ผมช่วยหาลูกค้าให้คุณตอนนี้เลยไหม ?”

เฉินเฟิงหน้าแดงที่ถูกอีกฝ่ายเดาใจได้ จึงตอบเก้อๆ

“แหะๆ ไม่ต้องล่ะครับ ความจริงคุณก็ช่วยผมไว้มากจริงๆ แหละ ที่ผมบอกว่าจะเลี้ยงข้าวคุณนั่นผมพูดจริงๆ นะ ! หลังเลิกงานแล้วคุณเข้ามาเล่นเกมนี้ด้วยหรือเปล่าครับ ?”

ฮาร์ทหัวเราะอย่างไม่ถือสา “หึหึ ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า ! นี่เป็นงานของผมอยู่แล้ว ผมเองก็เล่นเกมนี้เหมือนกัน ชื่อคือเลเอทท์ (Layette) แต่ระดับในตอนนี้ต่ำกว่าคุณเสียอีก ยังเป็นแค่ผู้เล่นอ่อนหัดระดับ ๒๕ เท่านั้น ผมคิดจะเล่นอาชีพนักดาบน่ะ มีโอกาสค่อยคุยกันคืนนี้ก็แล้วกัน ! อีกสักครู่ถ้าสบโอกาส ผมจะช่วยหาลูกค้าให้คุณสัก ๒ - ๓ คน จะขายของก็ต้องอดทนหน่อย ผมมีหนังสือคู่มือสัตว์อสูรอยู่เล่มหนึ่ง ยกให้คุณอ่านฆ่าเวลาก็แล้วกัน !”

เฉินเฟิงรับหนังสือมาอย่างกระอักกระอ่วน แล้วใส่ชื่อ เลเอทท์ ลงไปในช่องเพื่อนของนาฬิกาข้อมือต่อหน้าฮาร์ท

ฮาร์ทมองแถบในช่องในนาฬิกาของเฉินเฟิงแล้วทักว่า

“วิหารจันทราเทพ ? หึหึ ไม่ได้มีแต่ผมที่สะดุดตาคุณจริงๆ ด้วย ผมเคยไปผจญภัยกับเธอบ่อยๆ วันนี้เข้าเวรทำงานพร้อมเธอพอดี คืนนี้ค่อยคุยกันนะครับ ผมไม่สะดวกจะออกห่างจากขอบเขตพื้นที่ทำงานนานเกินไป”

เฉินเฟิงรีบพูดว่า “เชิญทำงานต่อเถอะครับ มีอะไรค่อยคุยกันหลังจากพวกคุณเลิกงานแล้วก็ได้” แล้วคิดในใจ “ทำไมคนพวกนี้น่ากลัวจังวุ้ย รู้กระทั่งว่าเราคิดอะไรอยู่ เฮ้ย ! แย่แล้ว ถ้างั้นตอนนี้...” ศีรษะกระตุกพรวดขึ้นดูฮาร์ททันที ก็เห็นอีกฝ่ายเดินไปถึงข้างคลังเก็บไอเท็มแล้ว และไม่มีทีท่าว่าจะหันมามองเขาอย่างที่นึกกลัว จึงปลอบใจตัวเองว่าคงคิดมากไปเอง

เฉินเฟิงพลิกดูคู่มือสัตว์อสูรที่ฮาร์ทให้มาอย่างเซ็งๆ แล้วพบว่าสัตว์อสูรที่เขาเจอในป่าสนตอนที่เพิ่งเข้ามาในเกมใหม่ๆ เป็นสัตว์อสูรระดับกลางถึงระดับสูงทีเดียว ส่วนพฤกษ์ไพธอนสารหนูแดงตัวนั้นเป็นถึงสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของเกาะเริ่มต้น

ปกติเวลาพฤกษ์ไพธอนสารหนูแดงปรากฏกาย มักจะฆ่าผู้เล่นมือใหม่ไปอย่างน้อย ๘๐ - ๙๐ ราย แล้วหลังจากนั้นหลายวัน พวกผู้เล่นมือเก่าจะพากันนั่งเรือข้ามมาจากทวีปกู่ย่า และจัดแจงส่งมันกลับบ้านเก่าไป ถึงค่อยยุติมหกรรมฆ่าไม่เลี้ยงลงได้ โชคดีที่โอกาสปรากฏตัวของมันมีแค่ไม่ถึง ๒ ครั้งใน ๑ เดือน ไม่อย่างนั้นพวกมือใหม่คงไม่มีทางออกไปจากเกาะเริ่มต้นได้แน่ แต่เพราะความถี่ในการปรากฏตัวของมันน้อยมาก ดังนั้นจึงไม่มีผู้เล่นคนใดเสียเวลาไปรอ ถือเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรที่ต้องพึ่งดวงถึงจะได้พบ

ส่วนหนอนเขียวเขี้ยวเหล็กไหลพวกนั้น ถือเป็นสัตว์อสูรซึ่งเป็นที่รังเกียจพวกหนึ่ง ระดับยังพอใช้ได้อยู่ ปัญหาคือมันจะระเบิดตัวเองก่อนตาย ซึ่งจะมีอำนาจทำลายเป็นสองเท่าของปกติ หากผู้เล่นมีระดับเท่ากับมัน ก็ต้องอำลาชีวิตขึ้นสวรรค์ตามมันไปด้วย ถ้าระดับของผู้เล่นสูงกว่ามัน ค่าประสบการณ์ที่ได้ก็น้อยนิดจนน่าสมเพช ที่สำคัญคือมันไม่ได้ระเบิดให้ของเลิศหรูอะไรเลย ดังนั้นจึงแทบไม่มีผู้เล่นคนไหนอยากจะไปยุ่งกับมัน

ใต้ข้อความอธิบายอย่างย่อมีคำแนะนำให้ผู้เล่นปฏิบัติเมื่อพบเจอสัตว์อสูรเหล่านี้ เนื่องจากป่าสนเป็นเส้นทางที่จำเป็นต้องผ่านหากคิดจะไปท่าเรือเริ่มต้น ถ้าไม่คิดเปลืองเงินก้อนโตจ้างนักขนส่งให้ช่วยส่งไปยังทวีปกู่ย่า ก็จำเป็นต้องผ่านเส้นทางนี้

ในคู่มือแนะนำว่า ถ้าเจอกับหนอนเขียวเขี้ยวเหล็กไหล วิธีปฏิบัติคือ “วิ่งหนี !” เพราะพวกมันจะปรากฏตัวเป็นฝูง ครั้งละ ๓ - ๕ ตัว แต่โชคดีที่มันเคลื่อนไหวช้า ดังนั้นการจะหนีไปให้ไกลจากพวกมันจึงง่ายมาก

หากได้พบพฤกษ์ไพธอนสารหนูแดง วิธีปฏิบัติก็ง่ายมาก ก่อนอื่นหมุนช่องสื่อสารไปที่ช่องมวลชน ประกาศไปว่าพฤกษ์ไพธอนสารหนูแดงปรากฏตัวแล้ว จากนั้นจงหลับตารอความตายมาเยือนซะ ! หากตอนนั้นมีพวกยอดฝีมือ[2]แห่กันมาพอดี ก็มักจะมีของตอบแทนดีๆ ให้กับคนบอกข่าวเสมอ

เฉินเฟิงด่าในใจทันที

“ไปตายซะ ! วิธีปฏิบัติบ้าบออะไรกันฟะ ! เสียแรงอุตส่าห์ตั้งใจอ่าน”

ท้ายสุดคือตารางแสดงไอเท็มที่มีความเป็นไปได้ว่าสัตว์อสูรจะระเบิดออกมาให้

ไอเท็มที่พฤกษ์ไพธอนสารหนูแดงระเบิดให้มีหลากหลายชนิดมาก มีม้วนคาถากลับบ้าน ม้วนคาถาคืนชีพ ม้วนคาถาลดพลังธาตุพิษ ม้วนคาถาลดพลังธาตุความมืด อัญมณีธาตุ แหวนป้องกันพิษ แหวนป้องกันความมืด ดาบสั้น หน้าไม้เหล็กกล้า ชุดเกราะหนังไพธอนแดงทั้งชุด นอกจากนั้นยังมีไอเท็มที่ทางระบบได้ประกาศไว้ แต่ยังไม่เคยปรากฏมาก่อน ได้แก่ สร้อยคอป้องกันพิษและดาบโกมุท

ไอเท็มที่หนอนเขียวเขี้ยวเหล็กไหลจะระเบิดให้ก็มี ก้อนโลหะ ม้วนคาถากลับบ้าน ม้วนคาถาคืนชีพ ม้วนคาถาลดพลังธาตุพิษ อัญมณีธาตุ แหวนป้องกันพิษ ดาบสั้น เป้ขนาดเล็ก เป้เขี้ยวเหล็กไหลจัมโบ้ พร้อมกับบอกคุณสมบัติของไอเท็มแต่ละชนิดและอัตราส่วนโอกาสที่มันจะปรากฏ แถมยังบอกราคาซื้อขายของทางการและราคาซื้อขายในตลาดมืดอีกด้วย

อ่านถึงตรงนี้ เฉินเฟิงก็ดีใจแทบคลั่ง เมื่อลองคำนวณมูลค่าของไอเท็มทั้งหมดที่ตัวเองได้มา ก็พบว่ามีมูลค่าหลายหมื่นเหรียญทองเลยทีเดียว แบบนี้เขาก็กลายเป็นเศรษฐีแบบพราดพราดแล้วน่ะสิ คำนวณดูแล้ว ถ้าเอาไปแลกเป็นเงินจริง ยังมากกว่าเงินเดือนของเขาในโลกความจริงตั้งสามเท่า ตอนนี้ต่อให้เอามีดจ่อบังคับเฉินเฟิงออกจากเกม เขาก็ไม่ยอมออกแล้ว !

แต่แล้วเฉินเฟิงก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้ไปลงทะเบียนสถานะจริงเลย เกิด username ของเขาถูกขโมยขึ้นมา มีหวังได้ร้องไม่ออกแน่

คิดแล้วเฉินเฟิงก็ลงมือทันที ม้วนทั้งผืนผ้าและดาบยัดลงไปในเป้เขี้ยวเหล็กไหลจัมโบ้ แล้วลุกขึ้นเดินไปยังสำนักงานลงทะเบียน

 

หลังจากนั้นเฉินเฟิงก็ก่นด่าโคตรเหง้าสักหลาดสิบแปดรุ่นของบรรดาเถ้าแก่ในบริษัทเลจจ์ออนไลน์ (Layge online Inc.) ในใจ ค่าธรรมเนียมในการลงทะเบียนยืนยันสถานะดันแพงมหาโหดโคตรๆ นอกจากจะหักแต้มสะสมในการฝากเงินของเขาไป ๑๐๐ จุดแล้ว ยังจะหักเงินทั้งหมดที่มีอยู่ในเกมครึ่งหนึ่ง

ตั้งครึ่งเชียวนะ ! ไม่ว่าใครก็คงอด “สรรเสริญโคตรเหง้า” ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ?

แต่เฉินเฟิงก็ไม่โง่ เขาถามจนแน่ใจว่าเครื่องป้องกันและไอเท็มทั้งหลายแหล่จะไม่ถูกหักลดไปด้วย แล้ววิ่งกลับไปที่ร้านขายไอเท็มอีกครั้งเพื่อทำการช้อปปิ้งอย่างมโหฬาร ของที่ใช้แล้วหมดได้ทุกอย่าง เฉินเฟิงกว้านซื้อไว้หมด ถึงยังไงหากจะให้ถูกหักไปฟรีๆ ละก็ ขอเอามันไปซื้อของยังจะได้ประโยชน์เสียกว่า

ยาฟื้นพลังเป็นของใช้แล้วหมดได้ที่สิ้นเปลืองที่สุด ดังนั้นแค่ยาฟื้นพลังระดับต่ำชนิดเดียว เขาก็ซื้อมาสุมไว้ในคลังเก็บไอเท็มถึง ๒๐๐ กว่าขวด (ขวดละ ๓๐ เหรียญเงิน) นอกนั้นก็มีลูกดอกของหน้าไม้เหล็กกล้า ๑๐๐,๐๐๐ ดอก (๑๐๐ ดอก ๒ เหรียญเงิน) ม้วนคาถากลับบ้าน ๑๕ ม้วน (ม้วนละ ๓๕๐ เหรียญเงิน) ม้วนคาถาปลดผนึก ๒๐๐ ม้วน (ม้วนละ ๑๐ เหรียญเงิน) กับดัก ๒๐ อัน (อันละ ๒๐๐ เหรียญเงิน) เนื่องจากจำนวนที่ซื้อต่างเกินจากที่กำหนด แฟนนี่จึงลดให้เขา ๕% สุดท้ายสมบัติทั้งหมดเหลือแค่ ๓,๐๐๐ เหรียญเงิน

แค่ซื้อของพวกนี้ เฉินเฟิงก็วิ่งรอกไปๆ มาๆ ระหว่างคลังเก็บไอเท็มและร้านขายไอเท็มหลายสิบรอบจนขาแทบหัก เพราะเป้เขี้ยวเหล็กไหลจัมโบ้ดันมีของพิลึกกึกกือยัดเต็มอยู่ก่อนแล้ว ทำให้พื้นที่ว่างที่เหลือมีแค่ไม่ถึง ๕๐๐ ช่อง

แต่ยังถือว่าเฉินเฟิงโชคดี เพราะถ้าไม่มีเป้เขี้ยวเหล็กไหลจัมโบ้ใบนี้ ผู้เล่นทั่วไปจะมีแค่กระเป๋าคาดเอวที่ทางอาคารเริ่มต้นมอบให้ซึ่งจุได้แค่ ๕๐ ช่องกับอีกสองมือเท่านั้น และถ้าเป็นแบบนั้น เขามีหวังต้องวิ่งเป็นร้อยรอบแน่

เงินที่เหลือ ๓,๐๐๐ เหรียญสุดท้าย หักไปเสียครึ่งก็เหลือ ๑,๕๐๐ เหรียญ คิดแล้วก็ยังอดเจ็บหัวใจไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้จะซื้ออะไรดีแล้ว ไอเท็มที่ตอนนี้ หรือกระทั่งกล่าวได้ว่าในอนาคตอีกยาวนานช่วงใหญ่ข้างหน้าที่เขาพอจะมีโอกาสได้ใช้ มากพอที่เขาไม่จำเป็นต้องซื้อไอเท็มที่ใช้แล้วหมดได้ชนิดอื่นอีกแล้ว

ทันใดนั้นได้ยินเสียงผู้เล่นคนหนึ่งร้องตะโกนขายของที่ข้างคลังเก็บไอเท็มว่า

“ขายม้าสำหรับขี่ ม้าลมกรดระดับ ๒๐ ยังไม่ได้ตั้งชื่อ ขายเพียง ๒,๕๐๐ เหรียญเงินคร้าบบบบ ! ลดสะบั้นหั่นแหลก มีแค่ตัวเดียวเท่านั้น พลาดแล้วพลาดเลยไม่มีแบบนี้อีกแล้วนะ !”

เฉินเฟิงจำได้ว่าแอนนี่เคยบอกไว้ว่า ในเกาะเริ่มต้นไม่มีโรงรับฝากสัตว์เลี้ยง หลังจากนั้นตอนที่เขาได้ดูแผนที่ ก็ไม่เห็นโรงรับฝากสัตว์เลี้ยงบนเกาะเริ่มต้นจริงๆ แล้วทำไมถึงมีคนมาขายสัตว์เลี้ยงอยู่ที่นี่ได้ ?

เฉินเฟิงที่วิ่งไปๆ มาๆ จนขาแทบหักย่อมอยากจะได้ม้ามาขี่สักตัว แต่ปัญหาคือ ตอนจะออกจากเกมจะทำยังไงกับม้าดี ? บ้านสามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ แต่ต้องงอกเงิน ๑๐,๐๐๐ เหรียญทองออกมาเสียก่อน ซึ่งใช่ว่าจะทำกันได้ในเวลาสั้นๆ

หลังจากลองไปถามฮาร์ทดูแล้ว เฉินเฟิงค่อยทราบว่า ม้าลมกรดชนิดนี้เป็นม้าพาหนะที่นิยมใช้กันทั่วไปของผู้เล่นที่อยู่บนทวีปอื่น ในโรงรับฝากสัตว์เลี้ยงก็มีขาย แต่ที่ขายเป็นม้าระดับ ๑๕ ราคาตัวละ ๕,๐๐๐ เหรียญเงิน ม้าระดับ ๒๐ แถมยังไม่ได้ตั้งชื่อแบบนี้ หากขายในตลาดมืดจะได้ราคาถึง ๑๐,๐๐๐ เหรียญเงิน คนขายลดสะบั้นหั่นแหลกจริงๆ

แต่ก็เป็นดังที่เฉินเฟิงคิด ซื้อมาแล้วก็ไม่มีที่จะเลี้ยง พอเขาออฟไลน์[3]ออกจากเกม มันก็จะกลายเป็นม้าป่าไปในทันที ส่วนเรื่องที่ทำไมถึงมีม้ามาโผล่ที่นี่ มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่ทราบ

หลังจากคิดอยู่ครู่ใหญ่ เฉินเฟิงก็ตัดสินใจว่าถึงยังไงก็ไม่รู้จะเอาเงินไปใช้ซื้ออะไรดีอยู่แล้ว งั้นเอามาซื้อม้าตัวนี้ไว้ขี่แทนเดินเท้าชั่วคราวก็แล้วกัน เพราะหากให้เขาเดินเท้าต่อ เกรงว่าสองขาคงไม่ฟังคำสั่งแล้วแน่ๆ

เฉินเฟิงเจรจาขอซื้อเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว รับกำไลสัตว์เลี้ยงมาแล้วถามคนขายว่าต้องเลี้ยงยังไงและต้องระวังเรื่องไหนบ้าง แต่คนขายดันไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง ได้แต่รอไปถามฮาร์ทแทน

ฮาร์ทบอกโดยไม่มีการอุบไว้ว่า

“กำไลต้องสวมไว้ที่มือ เป็นไอเท็มถาวรเช่นกัน สัตว์เลี้ยงต้องกินอาหารวันละสองมื้อ อาหารสำหรับสัตว์มีขายในร้านขายไอเท็ม ก็คืออาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ก่อนหน้านี้คุณเคยซื้อมานั่นแหละครับ นอกจากนี้ม้าที่เป็นสัตว์เลี้ยงสามารถใส่อาน รวมถึงแบกถุงสำหรับใส่ของแบบพิเศษ แต่ของพวกนี้ไม่มีขายในเกาะเริ่มต้น ยังมีชุดเกราะสำหรับม้าที่จะช่วยเพิ่มพลังป้องกันให้ม้า แต่ที่เกาะเริ่มต้นไม่มีขายอีกเหมือนกัน”

ดูท่าที่ม้าตัวนี้มาโผล่ที่นี่ได้นับว่าไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่งจริงๆ แต่ในเมื่อซื้อมาแล้ว คนขายก็ออฟไลน์ไปแล้ว เฉินเฟิงได้แต่เดินจูงม้าไปที่ร้านขายไอเท็ม

มือขวาของเขาสวมนาฬิกาอยู่แล้ว เฉินเฟิงจึงสวมกำไลสัตว์เลี้ยงไว้ที่มือซ้าย พอสวมปุ๊บ ในศีรษะก็มีเสียงจากระบบดังขึ้นทันที

“ผู้เล่นเฉินเฟิงปฏิบัติตามเงื่อนไข แสดงทักษะพื้นฐานของอัศวินลุล่วง ได้รับทักษะ ‘ขี่ม้า’ ของอัศวิน ระดับที่ ๑”

เฉินเฟิงตะลึง “โว้ว ! เกมนี้มันมีกี่อาชีพกันแน่เนี่ย ตอนนี้ที่รวบรวมมาได้ก็มีนักดาบ นักผจญภัย นักรบเทพ พ่อค้า อัศวิน บวกกับที่แฟนนี่ร้านขายไอเท็มเคยบอกไว้ว่ามีนักเก็บสมุนไพร นักฝึกสัตว์ ช่างฝีมือ นักเขียน นินจา นายพราน ผู้ปลดผนึก พ่อครัว...ฯลฯ แฟนนี่พูดเร็วเกินไป ไอ้เราก็ไม่ได้ตั้งใจฟังซะด้วย แต่ที่แน่ๆ คือมีเยอะมาก ในอาคารเริ่มต้นไม่มีส่วนที่สอนเรื่องอาชีพ แล้วอาชีพมีกี่อย่างกันแน่ และควรจะเลือกอาชีพไหนดี ? ดูท่าต้องหาเวลาแวะไปดูๆ ที่ตึกแนะนำอาชีพซะแล้ว”

ในเมื่อได้ทักษะขี่ม้ามาแล้ว อย่างนั้นลองขี่ดูดีกว่า ! โตจนป่านนี้แล้ว เฉินเฟิงยังไม่เคยขี่ม้าเลยสักครั้ง

เขาปีนขึ้นหลังม้าอย่างทุลักทุเลโดยที่ม้าลมกรดไม่ได้แสดงอาการประท้วงแต่อย่างใด จากนั้นเขาลองดึงบังเหียนเบาๆ ม้าลมกรดก็เดินไปข้างหน้าช้าๆ ให้เขาได้ลิ้มรสชาติการขี่ม้าเป็นครั้งแรก

ขี่ม้าไม่ได้ยากอย่างที่คิด เมื่อพบสิ่งกีดขวาง ม้าก็เดินเลี่ยงเองได้ เฉินเฟิงอารมณ์ชื่นมื่นถึงขีดสุด แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรบ้าๆ เพราะเกิดตกม้าขึ้นมา คงไม่สนุกแน่

พอม้าผ่านไปถึงร้านขายไอเท็ม เฉินเฟิงก็รีบรั้งบังเหียนหยุดม้า แล้วใช้เงิน ๕๐๐ เหรียญเงินสุดท้ายที่เหลือซื้ออาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงจนหมด อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงราคาห่อละ ๕๐ เหรียญเงิน หนึ่งวันต้องกิน ๒ ห่อ อะไรจะแพงขนาดนี้ !

เฉินเฟิงชักฉุนที่ก่อนหน้านี้แฟนนี่ขายให้เขาตั้ง ๑๐ ห่อ ตั้ง ๕๐๐ เหรียญเงินเชียวนะ ! ถ้าไม่เพราะซื้อม้าตัวนี้ อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง ๑๐ ห่อนั้นมิกลายเป็นขยะที่โคตรแพงไปแล้วหรือ ?

แต่แฟนนี่ไม่เสียทีที่เป็นเถ้าแก่ร้าน พูดแค่แป๊บเดียวก็ทำให้เฉินเฟิงหายโกรธได้ แถมก่อนจะไปเฉินเฟิงยังต้องหันไปขอบคุณเธออีกต่างหาก

ตอนหอบอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงเต็มอ้อมแขนออกจากร้านขายไอเท็ม เฉินเฟิงก็คิดขึ้นได้ว่าไม่รู้วันนี้ม้าลมกรดได้กินอาหารแล้วหรือยัง ดังนั้นจึงเหลือไว้ห่อหนึ่ง ส่วนที่เหลือก็ยัดลงเป้เขี้ยวเหล็กไหลจัมโบ้

เวลานี้เฉินเฟิงรู้สึกว่าชื่อของเป้เขี้ยวเหล็กไหลจัมโบ้ตั้งได้สมตัวมันมากๆ เพราะไม่ว่าจะยัดของอะไรลงไป มันก็กลืนได้หมด พูดถึงชื่อ แล้วจะตั้งชื่อม้าตัวนี้ว่าอะไรดี ?

พอเฉินเฟิงฉีกห่ออาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง ม้าลมกรดก็รี่เข้ามากินทันที ดูท่าคงจะทนหิวมานานแล้ว

ในศีรษะมีเสียงจากระบบดังขึ้นว่า

“ผู้เล่นเฉินเฟิงปฏิบัติตามเงื่อนไข แสดงทักษะพื้นฐานของนักฝึกสัตว์ลุล่วง ได้รับทักษะ ‘สื่อสาร’ ของนักฝึกสัตว์ ระดับที่ ๑”

เฉินเฟิงคิดในใจว่า “สื่อสาร ? ให้อาหารสัตว์ทำไมถึงกลายเป็นสื่อสารไปได้หว่า ?”

ม้าลมกรดกินอาหารทั้งห่อหมดอย่างรวดเร็ว แต่ดูท่าจะยังไม่อิ่ม จึงเอาศีรษะถูตัวของเฉินเฟิงไปมา เฉินเฟิงร้องว่า “ยังไม่พออีกเรอะ ? ห่อหนึ่ง ๕๐ เหรียญเงินเชียวนะ ! ฉันกินมื้อหนึ่งแค่ ๒ เหรียญเงินเอง นี่มันคิดจะกินจนฉันล้มละลายชัดๆ !”

ม้าลมกรดเอาแต่ส่งเสียงฟืดฟาด ศีรษะถูไปมาแรงกว่าเดิมเหมือนจะบอกว่า “เฉินเฟิงพูดถูกแล้ว ฉันยังอยากกินอีก แค่นี้ไม่พออิ่มจริงๆ นะ !”

เฉินเฟิงถูกศีรษะม้าลมกรดถูไปถูมาจนแทบจะยืนไม่อยู่ จึงได้แต่ฉีกอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงให้มันอีกห่อ

เสียงจากระบบดังขึ้นในศีรษะอีกครั้ง

ผู้เล่นเฉินเฟิงปฏิบัติตามเงื่อนไขลุล่วง ได้เลื่อนระดับทักษะสื่อสารของนักฝึกสัตว์ เลื่อนเป็นระดับที่ ๒

เฉินเฟิงคิดในใจ “เลื่อนระดับอีกแล้ว ? ง่ายแค่นี้เองหรือ ? ป้อนอาหารหนึ่งครั้งก็ได้เลื่อนหนึ่งระดับ แบบนี้ผู้ฝึกสัตว์ไม่ท่วมบ้านท่วมเมืองไปแล้วเรอะ ?”

เฉินเฟิงมองม้าลมกรดกินอาหารหมดไปอีกห่ออย่างรวดเร็ว แล้วพูดว่า

“กินเก่งแบบนี้ ฉันเรียกแกว่า ‘ซวงเว่ย’ (สองกระเพาะ) แหละดีแล้ว กินแต่ละหนมากกว่าม้าตัวอื่นตั้งสองเท่า ชื่อนี้เหมาะกับแกมากๆ”

คิดไม่ถึงว่าม้าลมกรดดูท่าจะไม่พอใจอย่างมาก ไม่แค่ทำเสียง “ฟืดฟาด” ดังกว่าเดิมหลายเท่า ศีรษะยังส่ายไปมาโดยแรง แสดงเจตนาอย่างชัดเจน

เฉินเฟิงหัวเราะ “โห ! ประท้วงเป็นด้วยแฮะ ! กินเก่งแล้วยังไม่ยอมรับอีก สักวันแกต้องกินจนฉันหมดตัวแหงๆ”

ม้าลมกรดยิ่งเคืองกว่าเดิม ยกขาหน้าขึ้นประท้วงเป็นการใหญ่ สุดท้ายงับชายเสื้อของเฉินเฟิงกระตุกเอาๆ

เห็นม้าตัวนี้แสนรู้ขนาดนี้ เฉินเฟิงก็อารมณ์ดีอย่างมาก จึงหัวเราะพลางพูดว่า

“พอแล้ว ! พอแล้ว ! อย่าหงุดหงิดเลยน่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ขนของแกสีขาว ส่วนฉันเองก็ชอบชื่อ ‘ซวงเว่ย’ (สองกระเพาะ) นี่มาก อย่างนั้นเราถอยกันคนละก้าว เปลี่ยนชื่อเป็น ‘ซวงเว่ย’ (องครักษ์น้ำค้างแข็ง) เป็นยังไง ?”

นึกไม่ถึงว่าม้าลมกรดท่าทางจะเข้าใจคำพูดของเฉินเฟิงจริงๆ พอได้ยินว่าเฉินเฟิงยอมเปลี่ยนชื่อให้ ก็สงบลงทันที

เสียงจากระบบดังขึ้นในศีรษะอีกครั้ง

ผู้เล่นเฉินเฟิงปฏิบัติตามเงื่อนไขลุล่วง ได้เลื่อนระดับทักษะสื่อสารของนักฝึกสัตว์ เลื่อนเป็นระดับที่ ๓ สัตว์ที่เลี้ยงจะมีสติปัญญาโดยอัตโนมัติ

เฉินเฟิงตกตะลึง “แจ็ค ประหลาดเกินไปแล้ว ! ป้อนอาหารแล้วได้เลื่อนระดับยังพอว่า กระทั่งตั้งชื่อก็ได้เลื่อนระดับด้วยเรอะ ? ชักงงแล้วสิว่าจะเลื่อนระดับต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้าง หรือเพราะชื่อที่เราตั้งมันเท่มากหว่า ? ชื่อ ‘ซวงเว่ย’ (องครักษ์น้ำค้างแข็ง) มันก็เท่ไม่เบาจริงๆ เสียด้วย”

ทันใดนั้นได้มีเสียงผู้ชายดังขึ้นว่า

“เจ้านาย คำถามที่ ๑ ป้อนอาหารไม่สามารถเลื่อนระดับได้ คำถามที่ ๒ เงื่อนไขในการเลื่อนระดับมีดังนี้ : ครั้งที่ ๑ การได้รับทักษะ เงื่อนไขที่ต้องการคือ ‘กิริยาอาการที่กระทำทำให้สัตว์เลี้ยงมีปฏิกิริยาตอบรับได้’ ซวงเว่ยวิ่งเข้ามากินอาหารที่เจ้านายฉีกห่อ ดังนั้นจึงตรงตามเงื่อนไข

“ครั้งที่ ๒ การเลื่อนระดับทักษะ เงื่อนไขที่ต้องการคือ ‘เข้าใจความต้องการของสัตว์เลี้ยง และให้ในสิ่งที่สัตว์เลี้ยงต้องการ’ เจ้านายเข้าใจความหมายที่ซวงเว่ยสื่อ และให้อาหารซวงเว่ยเพิ่มหนึ่งห่อ ดังนั้นจึงตรงตามเงื่อนไขเช่นกัน

“ครั้งที่ ๓ การเลื่อนระดับทักษะ เงื่อนไขที่ต้องการคือ ‘สื่อสารเรื่องใดเรื่องหนึ่งกับสัตว์เลี้ยง และบรรลุความเข้าใจร่วมกัน’ เมื่อกี้เจ้านายได้พูดคุยกับซวงเว่ยเพื่อจะตั้งชื่อให้ สุดท้ายบรรลุความเข้าใจร่วมกัน ดังนั้นจึงตรงตามเงื่อนไขเช่นกัน”

เฉินเฟิงสะดุ้งโหยง อุทานว่า “ว้าว ! แกพูดได้ด้วยหรือ ! แกเป็นคนปลอมตัวมา หรือเป็นคอมพิวเตอร์กันเนี่ย ?”

แต่ซวงเว่ยไม่ตอบ เฉินเฟิงตกตะลึงตาค้างไปพักใหญ่ เพราะแน่ใจว่าเมื่อกี้ไม่ได้หูฝาด จึงลองถามซ้ำอีกครั้ง

“ซวงเว่ย นายพูดได้หรือเปล่า ? นายเป็นคนปลอมตัวมา หรือเป็นคอมพิวเตอร์กันน่ะ ?”

ซวงเว่ยพูดว่า “เจ้านาย คำถามที่ ๑ พูดได้ แต่มีแต่เจ้านายเท่านั้นที่ได้ยิน คำถามที่ ๒ ไม่ใช่ คำถามที่ ๓ ใช่”

เฉินเฟิงตะลึงอีกเป็นครู่ ค่อยพูดว่า

“คอมพิวเตอร์คิดเองได้ด้วยแฮะ ! ร้ายกาจเป็นบ้า ! ม้าลมกรดเป็นเหมือนนายกันทุกตัวหรือเปล่า ?”

แต่ซวงเว่ยไม่ตอบอีกแล้วจนเฉินเฟิงเริ่มจะมึน แล้วก็คิดได้ว่าในเมื่อเป็นคอมพิวเตอร์ ก็คงจะจำได้แต่ชื่อตัวเองล่ะมั้ง ! ดังนั้นจึงลองถามซ้ำว่า

“ซวงเว่ย นายคิดเองได้หรือเปล่า ? แล้วม้าลมกรดเป็นเหมือนนายกันทุกตัวหรือเปล่า ?”

ผ่านไปครู่ใหญ่ซวงเว่ยค่อยตอบว่า

“เจ้านาย ซวงเว่ยไม่สามารถเข้าใจความหมายของคำว่า ‘คิด’ ไม่มีคำนี้อยู่ในคลังข้อมูล จึงไม่สามารถตอบคำถามได้ คำถามที่ ๒ ไม่ใช่ ! ในคลังข้อมูลระบุว่า มีแต่ผู้เล่นที่มีทักษะสื่อสารระดับที่ ๓ เท่านั้นถึงจะสามารถมีสัตว์เลี้ยงที่เป็นแบบซวงเว่ยได้”

เฉินเฟิงตะลึงจ้องซวงเว่ยอยู่พักใหญ่ คิดในใจว่า “ดูท่าซวงเว่ยไม่ได้คิดเองเป็นจริงๆ แต่แค่ที่โปรแกรมคอมพิวเตอร์สามารถทำได้ถึงขนาดนี้ก็ร้ายกาจไม่ใช่เล่นแล้ว มีสัตว์เลี้ยงที่พูดได้แบบนี้ ต่อไปก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเซ็งละ ไม่รู้ว่าถามอะไรแล้วซวงเว่ยจะรู้ไปทุกเรื่องหรือเปล่านะ ถ้าใช่ก็เจ๋งไปเลย !”

คิดแล้วก็ลงมือทำทันที หลังจากลองถามอยู่พักใหญ่ก็ได้ทราบว่า หากต้องการให้ซวงเว่ยตอบ ก็ต้องเพิ่มคำว่า “ซวงเว่ย” ไว้หน้าคำถาม ไม่อย่างนั้นซวงเว่ยจะไร้ปฏิกิริยา และนอกจากปัญหาเกี่ยวกับนักฝึกสัตว์และสัตว์เลี้ยงแล้ว ซวงเว่ยจะตอบแต่

“หาข้อมูลนี้ในคลังข้อมูลไม่พบ จึงไม่สามารถตอบคำถามได้”

ดูท่าซวงเว่ยจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่สร้างขึ้นสำหรับอาชีพนักฝึกสัตว์โดยเฉพาะ ในคลังข้อมูลจึงมีแต่ข้อมูลเกี่ยวกับนักฝึกสัตว์และสัตว์เลี้ยง แต่เฉินเฟิงก็พอใจมากแล้วที่ได้พจนานุกรมนักฝึกสัตว์เคลื่อนที่เพิ่มมาหนึ่งตัว คนที่แสนจะขี้เกียจหาข้อมูลอย่างเขาได้ซวงเว่ยมา ก็พูดได้ว่าสะดวกขึ้นแยะ

ตัวอย่างเช่นเมื่อเฉินเฟิงถามว่า หากต้องการได้อาชีพนักฝึกสัตว์ จะต้องบรรลุเงื่อนไขอะไรบ้าง ซวงเว่ยก็ร่ายทักษะต่างๆ ที่จำเป็นต้องมีออกมาทันที รวมทั้งทักษะใช้แส้ระดับที่ ๕ ทักษะจับสัตว์ระดับที่ ๕ ทักษะสื่อสารระดับที่ ๒ ทักษะขี่ม้าระดับที่ ๓ ทักษะวางกับดักระดับที่ ๓ ทักษะเตรียมเครื่องปรุงระดับที่ ๒ ทักษะสร้างระดับที่ ๓ รวมทั้งสิ้น ๗ ทักษะ

ถึงตอนนี้เฉินเฟิงค่อยทราบว่ามีทักษะหลายอย่างที่ซ้ำกับอาชีพอื่น แต่ต่างอาชีพ ระดับของทักษะที่ต้องการก็แตกต่างกัน เหมือนอย่างขี่ม้าเป็นทักษะพื้นฐานของอัศวิน แต่ถ้ามีแค่ทักษะขี่ม้าก็ยังไม่สามารถจะเป็นอัศวินได้ ต้องมีทักษะอื่นร่วมด้วย

สำหรับการเลื่อนระดับของทักษะพื้นฐานของอาชีพ ซวงเว่ยก็ตอบได้แค่ทักษะเฉพาะของอาชีพนักฝึกสัตว์เท่านั้น ทักษะอื่นจะค้นข้อมูลไม่พบ ในส่วนของสัตว์อสูร ก็ตอบได้แค่เงื่อนไขในการจับมาเลี้ยง และสามารถจับมาเป็นสัตว์เลี้ยงได้หรือไม่ อย่างอื่นต่างก็ค้นข้อมูลไม่พบเช่นกัน

 

หลังจากทำความเข้าใจความสามารถทั้งหมดของซวงเว่ยแล้ว เฉินเฟิงก็ขี่ซวงเว่ยไปทำเรื่องลงทะเบียนผู้เล่นจนเสร็จสิ้น และสร้างแฟ้มข้อมูลส่วนตัวประเภทต่างๆ รวมทั้งลายม่านตา ลายนิ้วมือ และเสียง ทั้งหมดนี้เพื่อไม่ให้คนอื่นแอบอ้างเอา username ของเขาไปใช้ได้

แม้จะยุ่งยากน่ารำคาญ แต่เพราะอย่างนี้เฉินเฟิงถึงได้ยอมเอาเลขบัญชีธนาคารของตัวเองเชื่อมโยงเข้ากับเกม นับแต่นี้ไป username นี้ก็มีแต่เฉินเฟิงคนเดียวเท่านั้นที่ใช้งานได้



[1] จอบยา คือ จอบด้ามสั้นขนาดเล็กพกพาสะดวก เอาไว้สำหรับขุดต้นไม้ที่มีขนาดไม่ใหญ่นักโดยเฉพาะ

[2] ยอดฝีมือ คือ ผู้เล่นที่มีระดับ (level) สูงๆ

[3]ออฟไลน์ (off line) ออกจากอินเตอร์เน็ต


แก้ไขเมื่อ 3 ก.พ. 2555, 08:22 โดย

หลินโหม่ว เข้าร่วมเมื่อ 2 ก.พ. 2555, 20:19

0 ความคิดเห็น