หัวข้อ : เล่มที่ ๔ รวมพลก่อตั้งสมาพันธ์ ตอนที่ ๖ เพื่อนเก่า

โพสต์เมื่อ 3 ก.พ. 2555, 08:46

ตอนที่ ๖

 

เพื่อนเก่า

 

 

เนื่องจากกลัวว่าอันธพาล ๕ คนนั้นจะย้อนกลับมาหาเรื่องอีก ทำให้เฉินเฟิงจำต้องรั้งอยู่คอยเฝ้า แต่คนแคระมีน้อยเกินไปจริงๆ เขาจึงปล่อยให้ทุกคนสู้ไปให้สะใจ ส่วนตัวเองวางแผงลอยรับซื้อก้อนโลหะที่ทุกคนตีได้อยู่ตรงนั้น

เนื่องจากเฉินเฟิงรับซื้อในราคาก้อนละ ๑๔๕ เหรียญเงิน พวกผู้เล่นจึงต่างยินดีที่จะขายให้เขา

ความจริงตอนนี้นอกจากขายก้อนโลหะให้ผู้เล่นที่มีบ้านแล้ว ผู้เล่นทั่วไปมีแต่ต้องขายให้ขบวนอัศวินมังกร และราคาที่พวกนั้นรับซื้อก็แค่ก้อนละ ๑๐๐ เหรียญเงินเท่านั้น ขายให้เฉินเฟิงไม่แค่ใกล้ แถมยังได้กำไรอีกตั้งก้อนละ ๔๕ เหรียญเงิน ผู้เล่นบางคนถึงกับยอมกลับไปที่คลังเก็บไอเท็มเพื่อขนมาขายให้ด้วยซ้ำ

การนั่งรอนี่น่าเบื่อสุดยอด เฉินเฟิงจึงเริ่มใช้คาถาท่องลมช่วยพรรคพวกบางคน พอเห็นมีคนแคระเกิดใหม่มากหน่อย ก็ประเคนคาถาเงามืดก่อกวนพวกมันซะ

และแล้วระดับความชำนาญในการใช้เวทมนตร์ธาตุความมืดกับเวทมนตร์ธาตุไม้ก็เต็มโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว พลังจิตเองก็ได้เลื่อนระดับขึ้น ๑ ระดับ จำนวนพลังจิตเพิ่มขึ้นเป็น ๖๐๐ จุด นอกจากนี้ทักษะภวังคจิตก็ได้เลื่อนขึ้น ๑ ระดับ ส่วนทักษะตั้งแผงลอยได้เลื่อนขึ้นเป็นระดับ ๑๓

ท้องฟ้าเริ่มสว่าง อันหมายความว่าทุกคนต่างอยู่ที่นี่กันมาครบ ๒๔ ชั่วโมงแล้ว เป้เขี้ยวเหล็กไหลจัมโบ้ของเฉินเฟิงเองก็มีก้อนโลหะอัดอยู่จนเต็มขีดจำกัด หลังจากบอกทุกคนถึงเวลาที่เขาจะออนไลน์ครั้งหน้าเป็นที่เรียบร้อย เฉินเฟิงก็เก็บแผงลอยแล้วใช้ม้วนคาถากลับบ้าน

ครั้นกลับถึงบ้านของตัวเอง เฉินเฟิงก็เอาก้อนโลหะทั้งหมดวางกองไว้บนโต๊ะที่มีอยู่เพียงตัวเดียว เมื่อมีหนังสือ “รวมชนิดโลหะ” อยู่ มันก็ต้องปลดผนึกก้อนโลหะด้วยตัวเองอยู่แล้ว

ก้อนโลหะที่คนแคระให้ไม่ใช่ก้อนโลหะชั้นดีจริงๆ ด้วย มีอยู่แค่ ๑๐ กว่าก้อนที่แยกประเภทไม่ได้เพราะทักษะไม่สูงพอ

เมื่อไปที่ร้านตีเหล็กเมืองมังกรเมฆอีกรอบ ปรากฏว่าก้อนโลหะ ๑๗ ก้อนที่แยกประเภทไม่ได้เป็นแค่ก้อนโลหะระดับกลางจริงๆ ไม่มีก้อนโลหะระดับสูงแม้แต่ก้อนเดียว

แต่ครั้งนี้เฉินเฟิงต้องขาดทุนซะแล้ว คิดไม่ถึงว่าผ่านไปแค่ ๒ วัน ราคาจะผันผวนมากถึงขนาดนี้ ราคาก้อนโลหะแต่ละก้อนตกลงเหลือก้อนละ ๑๔๐ เหรียญเงิน ยังดีที่มีก้อนโลหะระดับกลาง ๑๗ ก้อนนั้นมาช่วยโปะ บวกกับครั้งนี้รับซื้อมาแค่ ๓,๐๐๐ กว่าก้อน ไม่อย่างนั้นคงได้ขาดทุนมากกว่านี้แน่

รายรับเพียงอย่างเดียวที่ได้มาคือทักษะแยกชนิดเลื่อนขึ้นเป็นระดับ ๔ ซึ่งทักษะของนักเก็บสมุนไพรชนิดนี้นอกจากได้เลื่อนระดับตอนที่เด็ดดอกไม้เจ็ดสีกับดีเสือแล้ว ก็ไม่ได้เลื่อนระดับอีกเลย

การค้นพบความลับของทักษะแต่ละอย่างนี่ก็ไม่ใช่ง่ายๆ เลยจริงๆ วิธีที่ง่ายที่สุดมีแต่ต้องไปคลี่คลายภารกิจ แต่จนถึงบัดนี้ เฉินเฟิงเพิ่งจะรับภารกิจมาแค่ ๓ อย่างเท่านั้น ที่หนักหนาสาหัสคือแต่ละภารกิจดันยากขึ้นเรื่อยๆ นี่สิ

เฉินเฟิงอดบ่นกระปอดกระแปดไม่ได้ว่าราคาของเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไปแล้ว หรือทุกครั้งที่จะรับซื้อของ เขาจำเป็นต้องแล่นมาเช็คราคาที่ร้านค้าของระบบก่อนตลอดด้วย ?

หูจื่อหลิงหัวเราะพลางบอกว่า เรื่องนี้ต้องให้ผู้เล่นไปหาทางกันเอาเอง แต่ก็แอบบอกนิดหน่อยว่า หากทักษะของพ่อค้าสูงสักนิดล่ะก็ สภาพการณ์แบบนี้อาจจะดีขึ้นบ้างก็ได้

ซึ่งมันก็จริง เพราะราคารับซื้อเขาเป็นคนตั้งขึ้นเอง แถมผู้เล่นพวกนี้ต่างก็นับได้ว่าเป็นเพื่อนของเขากันทั้งนั้น ครั้งหน้าเวลาตั้งราคาต้องระวังให้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นไม่ได้ค่าเหนื่อยยังพอทำเนา เกิดขาดทุนขึ้นมานี่สิมีหวังหน้าแตกยับเยินแน่ !

กว่าจะจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จ เวลาก็ผ่านไปอีก ๒ ชั่วโมง เฉินเฟิงยังไม่ลืมว่าตัวเขายังต้องพักผ่อนอีก จึงกลับไปที่บ้าน แล้วออฟไลน์ผ่านทางระบบ กลับคืนสู่โลกแห่งความจริง

 

คิดไม่ถึงว่าเวลา ๑ อาทิตย์จะผ่านไปเร็วขนาดนี้ เฉินเฟิงมองห้องขนาด ๔ ผิง[1]ของตัวเอง ดูเหมือนจะมีฝุ่นจับอยู่บางๆ เนื่องจากเขาแทบไม่ได้ทำอะไรเลยมานานเกินไป ในกล่องรับจดหมายนอกจากบิลแล้ว ก็มีจดหมายแจ้งให้รอการพิจารณาหลังสมัครงาน ทั้งหมดแทบไม่ต่างอะไรกับตอนก่อนที่เขาจะออนไลน์

เฉินเฟิงจัดการจ่ายรายการต่างๆ ในบิลผ่านทาง internet พอดูจำนวนเงินในบัญชีของตัวเอง ก็พบว่าเหลืออยู่แค่ ๕๐,๐๐๐ กว่าเหรียญเท่านั้น หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็โอนเงิน ๑๐,๐๐๐ เหรียญไปให้ที่บ้าน ถึงแม้พ่อแม่ของเขาจะไม่ได้ขอให้เขาโอนเงินไปให้ แต่นับตั้งแต่เริ่มทำงานออกสังคมเป็นต้นมา เขาจะโอนเงินกลับไปให้ที่บ้านเดือนละ ๑๐,๐๐๐ เหรียญทุกเดือน

แม่ทัดทานเขาไม่สำเร็จ จึงเอาเงินจำนวนนี้ฝากเข้าบัญชีให้เขาแทนเสียเลย ครั้งก่อนตอนที่เขากลับไปบ้าน แม่ยังบอกเขาว่าตอนนี้ในบัญชีมีเงินอยู่ ๓ แสนกว่าเหรียญแล้ว ถ้ามีเรื่องต้องใช้ก็ให้บอกแม่ เพราะเงินพวกนี้เป็นของเขาเองอยู่แล้ว แม่แค่ช่วยเก็บเอาไว้ให้ชั่วคราวเท่านั้น

ที่เฉินเฟิงยังโอนเงินกลับไปให้ที่บ้านอยู่ เพราะเขายังไม่อยากให้พ่อแม่รู้เรื่องที่เขาตกงาน

ตั้งแต่เล็กจนโตพ่อแม่เลี้ยงเขามาแบบอิสระ ไม่ว่าเขาคิดจะทำอะไร ขอแค่ไม่ใช่ไปก่ออาชญากรรม เขาจะสามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้ทั้งนั้น ดังนั้นต่อให้รู้ว่าเขาตกงาน เชื่อว่าพ่อแม่ก็คงไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว แต่เพราะเขาไม่อยากให้พ่อแม่ต้องเป็นกังวล จึงปิดเรื่องนี้กับท่านทั้งสองเอาไว้ก่อน

เฉินเฟิงเปิดเครื่องฝากข้อความกะจะฝากข้อความถึงพ่อแม่ว่าวันหยุดสุดสัปดาห์หน้าเขาจะกลับไปที่บ้านสักหน่อย ขณะที่กำลังนึกว่าจะพูดยังไงดี ก็พบว่าในเครื่องรับฝากข้อความมีข้อความบันทึกเอาไว้ถึง ๑๐ กว่าข้อความ !

พอดูเบอร์โทรศัพท์ ไม่รู้จัก ?

ถึงแม้ใช่ว่าเฉินเฟิงจะไม่มีเพื่อน แต่เนื่องจากเขาไม่ค่อยจะเป็นฝ่ายติดต่อหาใครก่อน จึงไม่ได้รับข้อความจากเพื่อนมานานเต็มที

“เฉินเฟิง ฉันคือหลี่อวิ๋น[2] ไม่ได้ติดต่อนายมานานแล้วนะเนี่ย ยังจำฉันได้อยู่หรือเปล่า ? นี่คือเบอร์โทรศัพท์ของฉัน ถ้าได้รับข้อความนี้แล้วให้โทรกลับมาหาฉันด้วยล่ะ !”

“เฉินเฟิง ฉันคือหลี่อวิ๋นไงเล่า ! ‘เมฆจอมพลัง’ หลี่อวิ๋นเพื่อนสมัย ม.ต้น ม.ปลายของนายไง ! นี่นายลืมฉันไปแล้วจริงๆ หรือเนี่ย ? ไอ้หนูบัดซบเอ๊ย อย่าลืมโทรกลับมาหาฉันด้วยล่ะ !”

“พี่ท่านเฉินเฟิง...ฉันคือหลี่อวิ๋นไง ! เมื่อไหร่นายถึงจะออฟไลน์กันหา ?”

“ตาเถร...เวอร์เกินไปแล้วมั้ง นี่นายไม่ต้องพักผ่อนหรือไงหา ? ฉันเองก็อยู่ในเกมราชาฯเหมือนกัน รอนายมาตั้ง ๔ - ๕ วันแล้วยังไม่โทรมาหาฉันอีก พอออนไลน์แล้วอย่าลืมเพิ่มชื่อฉันเข้าไปในช่องเพื่อนก่อนด้วยล่ะ นี่เขียนจดหมายไปหานายอย่างน้อย ๑๐ ฉบับแล้วนะ ดันถูกดีดกลับมาหมดซะได้ พี่หญ่าย จดหมายหนึ่งฉบับน่ะต้องจ่ายตั้ง ๑๐ เหรียญเงินเชียวนะ...ชื่อในเกมราชาฯของฉันคือ ‘เมฆถาโถมยุทธ์ล้ำเลิศ’ (อวิ๋นเทาอู่เลฺว่[3]) อย่าลืมซะล่ะ ฉันมีข่าวดีจะบอกนายด้วย !”

“เฉินเฟิง ! นี่นายลืมฉันแล้วจริงๆ หรือวะ ? ขอบอกอีกครั้ง ฉัน - คือ - หลี่ - อวิ๋น สุดยอดคู่หูวาตะเมฆา[4]แท้ๆ นายยังลืมกันลงอีกเรอะ ? หรือนายซื้อเครื่องอะไรมาใหม่ ? ลูกพี่...นี่มันเกิน ๗ วันแล้วนะ นายเอาเป็นเอาตายมากเกินไปแล้วมั้ง !”

“ฮัลโหลๆ...แม่ง ! เสียงเครื่องตอบรับอีกแล้ว...”

“คุณครับ หากคุณไม่ใช่คุณเฉินเฟิงล่ะก็ รบกวนคุณช่วยส่งข้อความกลับมาให้ผมด้วยครับ ต้องขออภัยอย่างมากที่รบกวนคุณมาตั้งหลายครั้ง แต่ผมมีธุระด่วนต้องการติดต่อกับเจ้าของเดิมของเบอร์โทรศัพท์นี้จริงๆ ขอบคุณครับ !”

“เฉินเฟิง เบอร์นี้อาสฺยง[5]เป็นคนให้ฉันมา นายทำตัวให้มันดีๆ หน่อย โทรหาฉันด้วยล่ะ !”

“ฮัลโหล...นี่ไม่อยู่จริงๆ หรือ ? เฉินเฟิง ฉันคือ อู๋จื้อสยฺง[6] นายคงไม่ได้เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์หรอกนะ ? ขอร้องล่ะ นายช่วยโทรกลับไปหาไอ้อวิ๋นจอมพลังมันหน่อยเถอะน่า ฉันใกล้จะโดนมันทุบตายอยู่แล้ว...นายคงไม่อยากเสียเพื่อนอย่างฉันไปหรอกนะ ?”

“เสี่ยวเฟิง[7] นี่พ่อเอง ลูกไม่ได้กลับบ้านมานานแล้วนะ แม่เขาคิดถึงลูกแน่ะ ไม่ว่าจะยุ่งยังไงก็ช่วยโทรกลับมาหาแม่เขาบ้างสิ ! แต่ถ้าลูกจะกลับมาที่บ้านล่ะก็ เดือนนี้ไม่ต้องกลับมาหรอกนะ เพราะพ่อกับแม่จะไปต่างประเทศ ปลายเดือนนี้ถึงจะกลับมา รักษาสุขภาพตัวเองด้วยล่ะ !”

คราวนี้ก็ไม่ต้องคิดแล้วว่าจะฝากข้อความกลับไปว่ายังไงดี นึกไม่ถึงว่าพ่อกับแม่จะไปต่างประเทศกันเสียแล้ว เฉินเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วฝากข้อความไว้ให้แม่ว่าต้นเดือนหน้าค่อยกลับไปที่บ้านก็แล้วกัน

เรื่องที่หลี่อวิ๋นโทรมาหานี่สิทำเอาเฉินเฟิงตกใจหมด เพราะไม่ได้ติดต่อกันมานานอย่างน้อยครึ่งปีแล้ว หมอนี่เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทไม่กี่คนที่ยังติดต่อกันมาจนถึงบัดนี้ แต่เพราะก่อนหน้านี้หมอนี่เอาแต่คลั่งไคล้เกมออนไลน์ ก็เลยไม่ได้พบหน้ากันมานานพอสมควร

คิดไม่ถึงเลยว่าเกม “ราชาแห่งราชัน” จะทำให้เพื่อนตายซี้ปึ้กในสมัยก่อนของเขาคนนี้โผล่มาหาเขาอย่างกะทันหันได้ ว่าแต่หมอนี่รู้ได้ยังไงน่ะว่าเขาก็เล่นเกมราชาฯเหมือนกัน ? ถึงเขาจะพอมีชื่อเสียงอยู่บ้างนิดหน่อย แต่ก็เพิ่งจะเริ่มเล่นได้แค่ไม่นานเท่านั้น แล้วเขาจำไม่เห็นได้เลยว่าเคยได้ยินชื่อ เมฆถาโถมยุทธ์ล้ำเลิศ มาก่อน ?

ลองพลิกเปิดดูคู่มือเกมราชาฯที่วางอยู่บนโต๊ะ ที่แท้จดหมายที่มาจากผู้เล่นที่ไม่มีรายชื่อในช่องเพื่อนจะถูกเก็บเอาไว้โดยอัตโนมัติ และถ้าออนไลน์เป็นเวลานาน ๓ วันตามเวลาในเกมโดยไม่ได้เช็คเปิดอ่าน จดหมายก็จะถูกดีดกลับไปโดยอัตโนมัติ มิน่าเล่าเขาถึงไม่ได้เห็นจดหมายพวกนั้นเลย

พอโทรกลับไปปรากฏว่าไม่มีคนรับสาย สงสัยยังบ้าเล่นอยู่ในเกมแหงๆ เขาไม่ชินกับการพูดใส่เครื่องบันทึกข้อความ จึงกะว่าออนไลน์เมื่อไหร่ค่อยไปหาหลี่อวิ๋นก็แล้วกัน

แล้วเฉินเฟิงก็โทรศัพท์ไปหาอู๋จื้อสฺยง ไม่มีคนรับสายเช่นกัน หมอนี่ก็เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทน้อยคนของเฉินเฟิง การที่อู๋จื้อสฺยงไม่อยู่รับโทรศัพท์ถือเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะงานของเขาคือทำธุรกิจ ส่วนใหญ่เวลาพวกเพื่อนเก่าๆ จะตามหาใคร มักจะถามผ่านอู๋จื้อสฺยงกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานแค่ไหน พอมาถามอู๋จื้อสฺยง เป็นต้องติดต่อได้ทุกรายไป

หลังจากเริ่มออกสู่สังคม ทุกคนต่างก็ยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเอง บางคนแต่งงานมีลูกกันไปแล้วด้วยซ้ำ เนื่องจากไม่มีหัวข้อสนทนาที่จะคุยร่วมกันได้ แถมยังอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน จึงเป็นเรื่องปกติที่จะติดต่อกันน้อยลงทุกที ในตอนแรก เฉินเฟิงอดหดหู่ใจกับเรื่องนี้ไม่ได้ แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ยอมรับสภาพไปโดยปริยาย

โลกแห่งความจริงนั้นโหดร้ายนัก เพราะทุกคนต่างก็ต้องดิ้นรนเพื่อปากท้องกันทั้งนั้น ถึงแม้มิตรภาพจะสำคัญอยู่เหมือนกัน แต่มันก็ไม่ช่วยให้อิ่มท้องได้อยู่ดี !

เฉินเฟิงเปิดระบบสำหรับกำจัดฝุ่น หุ่นยนต์ขนาดเล็กหลายตัวก็เริ่มดำเนินการทำความสะอาดรอบบริเวณ เฉินเฟิงเดินไปหามุมนั่งอ่านคู่มือเกมราชาฯอย่างตั้งอกตั้งใจ

หลายวันมานี้เกมราชาส่งอิทธิพลต่อตัวเขามากเลยทีเดียว ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ การจะเป็นนักเล่นเกมมืออาชีพใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แค่เวลาสั้นๆ ไม่กี่วัน เขาก็มีทรัพย์สินตั้ง ๓ ล้านกว่าเหรียญเงินแล้ว มากกว่าเงินเดือนปกติตอนทำงานนิดหน่อยด้วยซ้ำ มิน่าล่ะถึงมีคนที่คิดจะอาศัยเกมหากินมากขนาดนี้ สามารถเล่นไปพลางหาเงินไปพลางได้ ยังจะมีอะไรดีไปกว่านี้อีก !

แต่คิดดูอีกที ถ้าไม่ได้เจอกับเหตุการณ์ราคาวัตถุดิบเพิ่มพรวดนี่ล่ะก็ เขาคงไม่มีทางหาเงินมาได้มากขนาดนี้แน่ ดูท่าหากยังคิดจะเสพสุขแบบนี้ต่อ การตั้งกลุ่มและสร้างอาณาจักรก็จำเป็นอย่างมาก

หลังจากเข้าใจระบบการประมูลขายแล้ว เฉินเฟิงก็โอนเงินในเกมจำนวน ๑ ล้านเหรียญเงินเข้าไปในตลาดประมูล ในคู่มือบอกไว้ว่า อาจต้องรอสัก ๒ - ๓ วันถึงจะมีคนมาคลิ้กเอาไป และต้องจ่ายค่าบริการล่วงหน้า ๑๐ เหรียญ

เพิ่งจะกำหนดอัตราราคาเสร็จหมาดๆ ก็มีคนมาคลิ้กเอาไปทันที ราคาที่เฉินเฟิงกำหนดคือ ๑,๐๐๐ เหรียญ / ๑๒๐,๐๐๐ เหรียญเงิน คิดไม่ถึงว่าแค่ไม่กี่วินาทีก็ถูกคลิ้กเอาไปเสียแล้ว นี่มันโอเวอร์เกินไปหรือเปล่าเนี่ย ?

พอดูตารางที่โชว์ดีๆ มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องการให้ใช้เงินในเกมซื้อของที่เอามาประมูลขายเท่านั้น คนที่ขอแลกเป็นเงินจริงมีน้อยยิ่งกว่าน้อย

พอดูราคาที่คนอื่นกำหนด ที่แท้ตอนนี้อัตราขายเงินในเกมได้พุ่งขึ้นเป็น ๘๐/๑ ไปแล้ว มิน่าเล่าเพิ่งกำหนดราคาเสร็จก็โดนคลิ้กเอาไปทันที ถ้าคนคนนั้นเอาไปขายต่อ จะได้กำไรถึง ๕๐๐ เหรียญทีเดียว

เมื่อครู่ก่อนยังเป็นแค่เงินสมมติ ตอนนี้กลายมาเป็นเงินจริงที่สามารถใช้จ่ายได้จริงๆ ไปแล้ว ! ผลลัพธ์นี้เฉินเฟิงยังเชื่อไม่ค่อยลงอยู่ดี ถึงจะเป็นแค่จำนวนตัวเลขเหมือนกัน แต่การที่มีคนยอมเสียเงินจริงไปซื้อของในเกมจริงๆ ก็ทำให้เขารู้สึกรับไม่ได้ยังไงชอบกล

เมื่อกี้เขายังคิดอยู่เลยว่าจะแยกประมูลทีละ ๑๐๐,๐๐๐ เหรียญเงินดีหรือเปล่า แต่พอเห็นว่ามีคนแย่งกันซื้อถึงขนาดนี้ ก็รู้ตัวว่าเขากังวลเกินจำเป็นเสียแล้ว

ลองไปดูๆ ไอเท็มที่ทุกคนประมูลขาย ส่วนใหญ่จะเป็นอาวุธไม่ก็เครื่องป้องกัน นอกจากนี้ก็มีตำราเวทมนตร์ระดับสูง ราคาของไอเท็มแต่ละอย่างที่โชว์ให้เห็นไม่ใช่ต่ำๆ เลย และแทบทั้งหมดจำกัดว่าต้องใช้เงินในเกมซื้อเท่านั้น

ความจริงบอร์ดบริการนี้เชื่อมต่อกับในเกมด้วย นอกจากกรณีที่คิดจะแลกเป็นเงินจริงแล้ว กรณีอื่นที่เหลือจะสามารถดำเนินการได้ที่ธนาคารในเกมทั้งหมด

พอไปดูข้อกำหนดในอีกระดับ ปรากฏว่าสามารถตั้งโปรแกรมให้คลิ้กโดยอัตโนมัติล่วงหน้าได้ด้วย โดยสามารถที่จะระบุชนิดของสิ่งของและราคาที่ต้องการจะคลิ้กเอาไว้ล่วงหน้าได้ แต่จำเป็นต้องโอนเงินเข้ามาฝากไว้ในธนาคารเสียก่อน มิน่าเล่ารายการของเขาส่งขึ้นไปปุ๊บ ถึงได้ถูกคลิ้กเอาไปทันทีได้

อยากจะซื้ออะไร เอาไว้เข้าไปในเกมแล้วค่อยไปดูที่ธนาคารก็แล้วกัน ถึงแม้เงินจำนวนนี้จะไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็ถือเป็นรายรับก้อนแรกของเขา เฉินเฟิงโอนเงินบางส่วนเข้าไปไว้ในบัตร ATM ของตัวเอง แล้วตัดสินใจออกไปฉลองให้ตัวเองซะหน่อย

 

เฉินเฟิงสั่งสุกี้อย่างแพงมาเต็มโต๊ะ ราคา ๕๐๐ เหรียญ ปกติเขาจะเสียดายเงินไม่ค่อยกล้าสั่งมากินนัก เพิ่งจะเริ่มลงมือกินไปได้แค่ไม่กี่คำ ก็พบว่าไม่ยักอร่อยอย่างที่เคยจำได้เลยแฮะ ?

ชั่ววูบนั้นในสมองดันคิดไปถึงอาหารในเกมเสียได้ ! ถึงแม้ในยุคนี้โลกสมมติกับโลกความจริงจะแยกออกจากกันยากมากขึ้นทุกทีก็เถอะ แต่กระทั่งเรื่องกินยังโดนเกมดึงดูดเอานี่ เฉินเฟิงพบว่านี่ถือเป็นเรื่องที่อันตรายเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว !

มิน่าเล่าหลี่อวิ๋นเพื่อนซี้ของเขาถึงได้คลั่งไคล้ติดเกมมากถึงขนาดนี้ เขาเองขอนัดหมอนั่นไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง ทุกครั้งที่ออกมาตามนัดหมอนั่นก็เอาแต่พูดถึงเรื่องเกม ทำเอาเฉินเฟิงชักไม่นึกอยากจะนัดอีกฝ่ายออกมาหาอีก ถึงแม้มิตรภาพความเป็นเพื่อนที่มีมานานหลายปีจะยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่พอคุยกันไม่ถูกคอ คุยกันไปก็เสียเวลาเปล่า คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้ตัวเขาเองก็เดินไปบนเส้นทางสายนี้เหมือนกัน แถมท่าทางจะอาการหนักไม่แพ้หลี่อวิ๋นเสียด้วย

หลังจากกินอาหารอย่างลวกๆ ให้พออิ่มเสร็จ ก็ไปเดินเล่นบนถนน เฉินเฟิงเห็นชั้นวางโชว์คอมพิวเตอร์แต่ละชั้นในร้านค้าริมทาง ในสมองก็ผุดภาพพวกผู้เล่นที่ต่างตั้งแผงลอยอยู่ข้างๆ คลังเก็บไอเท็มขึ้นมาทันที

ความรู้สึกที่สามารถสัมผัสจับต้องตัวสินค้าได้ สามารถโต้ตอบถามราคา ประสิทธิภาพของสินค้า และอื่นๆ จากตัวผู้ขายได้โดยตรง ทำไมโลกความจริงถึงได้ดูเป็นโลกสมมติยิ่งเสียกว่าโลกสมมติของเกมเสียอีกเล่า ?

เดินไปเดินไป ก็มาถึงสวนสาธารณะของเมือง ที่นี่กล่าวได้ว่าเป็นสถานที่สีเขียวแห่งเดียวของเมืองนี้ทั้งเมือง เนื่องจากไม่ใช่วันหยุด จึงมีคนไม่มากนัก

เฉินเฟิงมองต้นไม้ที่มีอยู่น้อยนิดจนน่าสมเพช ในสมองผุดภาพในเกมราชาฯขึ้นมาอีกครั้ง ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไพศาลจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด ป่าทึบที่มีต้นไม้ขึ้นแน่นขนัดเสียจนแสงอาทิตย์ไม่สามารถสาดลอดลงมาได้ ท้องฟ้าและทะเลสีสดใส โลกแห่งความจริงช่างด้อยกว่าเอามากๆ

เฉินเฟิงอดรู้สึกเลื่อนลอยไม่ได้ ทำไมไม่ว่าจะดูอะไรก็พาลนึกโยงถึงเกมไปหมดกันล่ะนี่ เป็นเพราะในเกมมันเพอร์เฟคเกินไป หรือเป็นเพราะโลกความจริงมันน่าผิดหวังเกินไปกันแน่ ?

ทอดสายตามองออกไป ทุกหนแห่งมีแต่สิ่งก่อสร้างที่ทำจากคอนกรีต แหงนมองท้องฟ้าสีเทาทึมหม่นมัว ไม่ว่ายังไงก็ไม่ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นเลย เฉินเฟิงตัดสินใจกลับไปที่ห้องรูหนูของตัวเองอย่างหมดอารมณ์

ดูเวลาแล้วเขาเพิ่งจะออฟไลน์มาได้แค่ ๖ ชั่วโมงเท่านั้น เบื่อเสียจนไม่รู้จะทำอะไรดี ขณะที่คิดจะนอนหลับยาวเสียหน่อย อู๋จื้อสฺยงก็โทรกลับมาพอดี

“เสี่ยวเฟิง[8] หลายวันมานี้นายทำอะไรอยู่กันน่ะ ? หลี่อวิ๋นตามหาตัวนายมาตั้ง ๗ - ๘ วันแล้ว ทำเอาฉันนึกว่านายเกิดเรื่องอะไรซะอีก นี่ถ้านายยังไม่โผล่มาล่ะก็ ฉันเตรียมจะไปแจ้งตำรวจอยู่แล้วเนี่ย...”

“ไม่มีอะไรซะหน่อย ฉันแค่ไปเล่นเกมออนไลน์มาเหมือนกันเท่านั้น นายเคยได้ยินชื่อเกม ‘ราชาแห่งราชัน’ มั้ยล่ะ ?”

“เคยได้ยินสิ ก่อนหน้านี้ฉันโดนหลี่อวิ๋นมันลากเข้าไปเล่นอยู่พักนึง แต่ตอนนี้แทบไม่ได้ออนไลน์แล้วล่ะ หลี่อวิ๋นบอกมาเหมือนกันว่านายเล่มเกมราชาฯได้ไม่เลวเลยทีเดียว มันเรื่องอะไรกันหรือน่ะ ? นายคงไม่พลอยปักหลักเข้าไปอยู่ในนั้นอีกคนหรอกนะ นายเกลียดพวกผู้เล่นที่อาศัยเกมหากินจะตายไปไม่ใช่เหรอ ?”

“ฉันเคยบอกหรือว่าเกลียดนักเล่นเกมอาชีพ ? ฉันแค่ละเหี่ยใจที่เพื่อนๆ เอาแต่คลั่งติดเกมกันไปหมดเท่านั้น แต่ตอนนี้ฉันเองก็นับเป็นนักเล่นเกมอาชีพคนหนึ่งแล้วเหมือนกัน...จริงสิ อาสฺยง นายเล่นอาชีพอะไรเหรอ ? ฉันคิดจะตั้งสมาพันธ์ แล้วกะจะสร้างอาณาจักรด้วย นายสนใจจะเข้าร่วมมั้ย ?”

“นี่ฉันไม่ได้ฟังผิดใช่มั้ย ? ตั้งสมาพันธ์ ? นายเล่นดุเดือดกว่าไอ้เมฆจอมพลังนั่นซะอีกนะเนี่ย ! หมอนั่นคลั่งเกมราชาฯมาตั้งเกือบหนึ่งปีแล้ว กระทั่งนักเล่นเกมอาชีพมือเก๋าอย่างมันยังไม่กล้าตั้งสมาพันธ์เลย นายเพิ่งเล่นมานานแค่ไหนกันเชียวดันคิดจะตั้งสมาพันธ์ซะแล้ว ?”

“นายไม่ได้ฟังผิดหรอก ฉันก็แค่โชคดีหน่อยตอนที่เพิ่งเริ่มเล่นเท่านั้นแหละ ตอนนี้ฉันได้อาชีพมา ๒ อาชีพแล้ว แล้วฉันก็มีเพื่อนในเกมคนนึงคอยช่วยอยู่ น่าจะตั้งสมาพันธ์ได้ในเร็วๆ นี้แหละ เพื่อนเก่าอุตส่าห์ขอให้ช่วยทั้งที นายคงไม่ปฏิเสธหรอกนะ ?”

“สองอาชีพ ! นี่ฉันไม่ได้ฟังผิดใช่มั้ย ? ถึงฉันจะไม่ได้ตั้งใจเล่นซักเท่าไหร่ แต่ก็เล่นอยู่นานตั้งเกือบสองเดือนแหละ ยังไม่ได้อาชีพเลยสักอาชีพ ระดับก็เพิ่งจะ ๒๗ - ๒๘ โชคของนายมันเวอร์เกินไปหน่อยหรือเปล่าหา ?”

“เรื่องนี้คงอธิบายไม่จบง่ายๆ ฉันบอกได้แค่ว่าคิดจะได้อาชีพน่ะไม่ยากหรอก และไม่ได้หมายความว่าเก่งกาจอะไรนักหนาด้วย อีกอย่าง อาชีพในเกมราชาฯไม่ได้จำกัดว่ามีได้แค่อาชีพเดียว ส่วนรายละเอียดถ้านายสนใจ เอาไว้บอกตอนอยู่ในเกมหรือตอนนัดเจอกันก็แล้วกัน !

“ที่ขอให้นายช่วย เพราะฉันเล็งเห็นความสามารถของนาย เพราะในบรรดาเพื่อนของฉันทั้งหมด นายมีความสามารถในการประสานงานสูงที่สุดแล้ว ก็กิจกรรมของพวกเรากลุ่มเพื่อนเก่า มีครั้งไหนบ้างล่ะที่นายไม่ได้เป็นคนจัดการจนสำเร็จน่ะ ?”

“เรื่องนี้...ช่วยนายน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่ฉันไม่รับประกันหรอกนะว่าฉันจะออนไลน์ได้ทุกวันน่ะ ! เพราะขืนเล่นเกมจนตกงานล่ะก็ ฉันมีหวังถูกพ่อฆ่าตายแน่ นายก็รู้นี่ว่าพ่อฉันน่ะคนละเรื่องกับพ่อนายเลย จริงสิ...พูดถึงทำงาน เรื่องหางานของนายเป็นยังไงบ้าง นายคงไม่คิดจะเป็นนักเล่นเกมอาชีพจริงๆ หรอกนะ ? ได้ยินว่าผลลัพธ์ของนักเล่นเกมอาชีพไม่ค่อยดีกันทั้งนั้น คนที่หาเงินได้จริงยิ่งน้อยกว่าน้อย นายคงไม่ถึงกับคิดไม่ตกขนาดนั้นหรอกนะ ?”

“อย่าไปพูดถึงมันเลย...สาขาที่ฉับจบมามันไม่มีทางหางานได้อยู่แล้ว ใครจะไปคิดว่าชามข้าวเหล็ก[9]ก็มีวันแตกได้เหมือนกัน วางใจเถอะน่า ฉันจะระวังไม่ทำอะไรที่มันเกินกำลังของตัวเองแน่ อย่าว่าแต่มีนายมาช่วยทั้งคน ฉันก็ยิ่งมั่นใจขึ้นเยอะ บอกตามตรงนะ เมื่อกี้ฉันเพิ่งจะเอาเงินหนึ่งล้านเหรียญเงินไปประมูลขายมาหยกๆ เฟ้ย ! ในเกมนายใช้ชื่ออะไรหรือ ? ฉันใช้ชื่อเดียวกับชื่อจริง ออนไลน์เมื่อไหร่อย่าลืมเพิ่มชื่อฉันเข้าไปในช่องเพื่อนด้วยล่ะ !”

“พูดจริงหรือโกหกนั่น ? หนึ่งล้าน ! นายไปได้ของวิเศษอะไรมาฮะ ? แค่ต้องจ่ายค่าน้ำหนึ่งหมื่นเหรียญเงินเมฆจอมพลังก็ร้องไห้จะตายอยู่แล้ว นายทำยังไงถึงมีเงินหนึ่งล้านออกมาขายได้กันน่ะหา ?”

 

ตอนที่เฉินเฟิงออนไลน์อีกครั้ง ก็เป็นเวลาเช้าของวันใหม่แล้ว ห่างจากตอนที่ออฟไลน์ครั้งก่อนเป็นเวลา ๔ วันในเกม

เขาเดินทอดน่องรอเมฆถาโถมยุทธ์ล้ำเลิศ ซึ่งก็คือหลี่อวิ๋นนั่นเอง อยู่ในเมืองท่าเซียงห่าย

เพื่อนเกลอที่ซี้ย่ำปึ้กกับเขามาตั้งแต่สมัยยังเด็กคนนี้มีนิสัยคล้ายคลึงกับเขามาก แต่อีกฝ่ายมีเอกลักษณ์อยู่อย่างหนึ่งที่ทำให้เฉินเฟิงอิจฉาสุดๆ นั่นคือมีความเชื่อมั่นที่ไม่รู้ว่าได้มาจากไหนอย่างมากมายล้นเหลือตลอดกาล มักจะเป็นผู้กล้าที่ยืนอยู่แถวหน้าเสมอมา เทียบกันแล้วเฉินเฟิงมักจะค่อนข้างขี้กังวลเกินไปหน่อย

ก่อนจะออนไลน์ เขาคุยกับอู๋จื้อสฺยงจนเกือบจะยันสว่าง ตอนนี้สมองจึงไม่ค่อยจะปลอดโปร่งนัก พอออนไลน์ปุ๊บ เพิ่งจะเพิ่มชื่อของหลี่อวิ๋น “เมฆถาโถมยุทธ์ล้ำเลิศ” ลงในช่องเพื่อน ก็แทบจะถูกจดหมายที่หลี่อวิ๋นส่งมาทับตายคาที่

เมฆถาโถมยุทธ์ล้ำเลิศ ติดอันดับ ๑ ใน ๕๐ ในบอร์ดจัดอันดับสุดยอดฝีมือของเกมราชาฯเลยทีเดียว แต่บอร์ดนี้แตกต่างจากบอร์ดอื่นๆ ตรงที่ ๕๐ คนนี้ไม่มีลำดับก่อนหลัง เพราะทุกคนเป็นอันดับ ๑ เหมือนกันหมด นั่นคือต่างก็เป็นปิศาจฝึกวิชาที่อยู่ระดับ ๖๐ กันทุกคน

ทั้งสองนัดเจอกันในภัตตาคาร ไม่ต้องรอนาน หลี่อวิ๋นก็มาถึง และกรอกเหล้าอั้กๆ อย่างดีอกดีใจ น่าเสียดายที่เฉินเฟิงไม่ชอบทานเหล้า ทำเอาเมฆถาโถมยุทธ์ล้ำเลิศหมดอารมณ์ไปเยอะ

เมฆถาโถมยุทธ์ล้ำเลิศออกปากพูดขึ้นก่อนว่า

“เสี่ยวเฟิง นายนี่แน่จริงๆ ! เล่นแค่ไม่ถึงครึ่งเดือนก็ดังระเบิดตั้งขนาดนี้ น่าอิจฉาเป็นบ้าว่ะ !”

“อย่ามาแกล้งล้อกันเล่นเลยน่า ไส้ฉันมีกี่ขดนายก็รู้ดีอยู่แล้ว ก็แค่ตอนเริ่มเล่นออกจะโชคดีหน่อยเท่านั้นแหละ” เฉินเฟิงว่า “เรื่องนี้ไว้มีเวลาว่างค่อยพูดก็แล้วกัน นายบอกมาก่อนดีกว่าว่าที่ตามหาตัวฉันนี่มีข่าวดีอะไรกันแน่ รีบร้อนซะจนอาสฺยงตกอกตกใจหมด แล้วไม่ยอมพูดทางช่องลับด้วย ต้องนัดมาเจอหน้ากันให้ได้อีก”

พอฟังจบเมฆถาโถมยุทธ์ล้ำเลิศก็เอาสองมือกุมหน้าอก คิ้วขมวดมุ่น ทำหน้าราวกับเจ็บปวดรวดร้าวอย่างสุดแสน

“โอ้...ปวดใจ...ไอ้ฉันหรือคิดถึงนายทุกโมงยาม เฝ้ารอคอยทั้งวันทั้งคืนให้นายมาหา คิดไม่ถึงเลยว่าพี่น้องจะมาทำกันแบบนี้...”

เฉินเฟิงแทบจะพ่นน้ำพรวดออกมาจากปาก ค้อนขวับไปวงใหญ่แล้วแค่นเสียงว่า

“ขอร้อง คลื่นไส้โว้ย...ฉันไม่ใช่สาวที่ไหนนะเฟ้ย ช่วยเอาจริงเอาจังหน่อยได้มั้ย”

เมฆถาโถมยุทธ์ล้ำเลิศพูดกลั้วหัวเราะ

“หึหึ...ต่อให้ไม่มีเรื่องสำคัญอะไร เพื่อนเก่าไม่ได้พบหน้ากันมาตั้งครึ่งปี ก็ต้องมาเยี่ยมกันหน่อยล่ะน่า ! เป็นอะไร หรือนายลืมพี่น้องคนนี้ไปแล้ว ?”

เฉินเฟิงส่ายหน้า “ยังจะมาพูดว่าพี่น้องอีก ไม่รู้จักสำนึกผิดเลยนายนี่ ฉันนัดนายตั้งกี่ครั้งเข้าไปแล้ว ทุกครั้งเอาแต่บอกว่าจีบสาวเอย ฝึกวิชาเอยสำคัญกว่า ขอให้นายออฟไลน์มากินข้าวเป็นเพื่อนฉันเหมือนขอฆ่านายยังไงยังงั้น”

เมฆถาโถมยุทธ์ล้ำเลิศตีหน้าซื่อ

“ฉันเคยด้วยเหรอ ? ฉันเคยด้วยเหรอ ? มีครั้งไหนที่นายนัดฉันกินข้าวแล้วฉันไม่ได้มาตามนัดบ้าง...นอกจากจะเกี่ยวพันถึงความสุขชั่วชีวิตของฉัน...ไม่อย่างนั้นเป็นไปได้ด้วยเหรอที่ฉันจะไม่ไปตามที่ขอ...”

เฉินเฟิงปัดมือไปมา “ช่างเถอะ ไม่คิดบัญชีเก่ากับนายก็ได้ พอดูข้อมูลบนบอร์ดจัดอันดับสุดยอดฝีมือถึงได้รู้ว่านายนี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ! ยอดฝีมือระดับ ๖๐ นายฝึกยังไงน่ะ ? ยอมแพ้นายเลยจริงๆ”

“เฮ้...พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนา ยังไงๆ ฉันก็เล่นเกมราชาฯมาตั้งกว่าครึ่งปีแล้ว ด้วยความฉลาดปราดเปรื่องของฉันหลี่อวิ๋น ผลงานเล็กน้อยแค่นี้มันแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าไม่เพราะพอถึงระดับ ๖๐ แล้วต้องมาติดแหง็กล่ะก็ พวกนั้นมีหรือจะตามขึ้นมาเทียบเคียงกับฉันได้” เมฆถาโถมยุทธ์ล้ำเลิศว่า

เฉินเฟิงหัวเราะ “นายยังมั่นใจในตัวเองเหลือเฟือเหมือนเมื่อก่อนเปี๊ยบ เอาเถอะๆ ถือว่าฉันปากพล่อยแล้วกัน ขอใช้ชาแทนเหล้าปรับตัวเองหนึ่งจอก” หลังจากเติมเหล้าให้เมฆถาโถมยุทธ์ล้ำเลิศ ก็พูดต่อว่า “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอ้อมค้อมแล้ว มีธุระอะไรกันแน่ นายพูดออกมาตรงๆ เถอะ ถ้ามีอะไรจะให้ช่วยก็ไม่ต้องเกรงใจกันหรอก”

เมฆถาโถมยุทธ์ล้ำเลิศพูดเสียงจริงจัง

“เสี่ยวเฟิง ได้ยินว่าจนตอนนี้นายก็ยังไม่เข้าสมาคมไหนเลยสักสมาคม ถึงตอนนี้สมาคมส่วนใหญ่จะเปลี่ยนเป็นกลุ่มไปแล้ว แต่ก็ยังมีพวกระดับสูงของสมาคมเดิมเป็นแกนหลักอยู่ดี ตอนนี้กลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในเกมราชาฯ ๑๐ อันดับแรกเป็นแบบนี้ทั้งนั้น เชื่อว่านายเองก็คงรู้อยู่แล้ว ในโลกของเกมราชาฯนี่ กลุ่มมีความสำคัญมากขนาดไหน...”

เฉินเฟิงขัดร่ายยาวของเมฆถาโถมยุทธ์ล้ำเลิศขึ้นทันควันว่า

“เดี๋ยวก่อนๆ...นี่นายคงไม่ได้รับหน้าที่มาเกลี้ยกล่อมฉันหรอกนะ ? แบบนี้มันจะทำให้ฉันคิดว่านายยิ่งเล่นยิ่งถอยหลังเข้าคลองเอานา ตกลงว่าเป็นกลุ่มใหญ่กลุ่มไหนกันแน่ ? กลุ่มที่ทำให้เมฆจอมพลังยินยอมพร้อมใจเข้าร่วมต้องเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลเป็นอันดับหนึ่งแหงๆ ใช่มั้ย ? แต่ในเมื่อนายเองได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องของฉันมาแล้ว งั้นก็น่าจะรู้เหตุผลที่ฉันลำบากใจจะเข้าร่วมกลุ่มดีนี่ แล้วทำไม...”

เมฆถาโถมยุทธ์ล้ำเลิศหัวเราะลั่น

“ผู้ให้กำเนิดฉันคือพ่อแม่ ผู้รู้ใจฉันคือเฉินเฟิง ! นายนี่เข้าใจฉันดีจริงๆ แต่ไม่ได้ติดต่อกันมานานเกินไป เลยเดาผิดไปหน่อยล่ะนะ ! คิดไม่ถึงว่าแค่พูดอ้อมค้อมหน่อยเดียว จะทำให้นายดูถูกฉันซะแล้ว เอาเถอะ ในเมื่อนายตรงไปตรงมา งั้นฉันจะพูดตรงๆ ก็แล้วกัน...ความจริงจุดประสงค์ที่ฉันมาในวันนี้ ก็มาเพื่อเกลี้ยกล่อมจริงๆ นั่นล่ะ เพียงแต่ไม่ได้รับคำสั่งจากกลุ่มไหนทั้งสิ้น แต่มาเพื่อแนะนำตัวเองว่ะ”

เฉินเฟิงตะลึง “แนะนำตัวเอง ? หรือจะเป็นกลุ่มของนายเอง ? หรือว่า...”

สีหน้าเมฆถาโถมยุทธ์ล้ำเลิศเปลี่ยนไปเล็กน้อยทันควัน

“พูดแบบนี้มันดูถูกกันเกินไปแล้วนะพวก ฉันอุตส่าห์ลดตัวลงมาแนะนำตัวเองแล้วนะเว้ย ยังจะแกล้งทำเป็นซื่อบื้ออีก หรือนายจะดูถูกฉันจริงๆ วะหา ?”



[1] ผิง เป็นหน่วยวัดพื้นที่ของจีน ๑ ผิง = ๓.๓ เมตร

[2] หลี่อวิ๋น : หลี่ เป็นแซ่ อวิ๋น เป็นชื่อ แปลว่า เมฆ

[3] อวิ๋นเทาอู่เลฺว่ คำ “เลฺว่” คำ ลว ออกเสียงควบกล้ำ โดยเน้นหนักที่เสียง ล.ลิง เหมือนอย่างคำว่า “เขว” ที่ ขว ออกเสียงควบ และเน้นหนักที่เสียง ข.ไข่ (จุดพินทุอยู่ใต้พยัญชนะตัวไหน หมายถึงต้องเน้นหนักที่เสียงพยัญชนะตัวนั้น)

[4] เฉินเฟิง แซ่เฉิน ชื่อเฟิง แปลว่า สายลม (วาตะ) ส่วนชื่อ อวิ๋น ของ หลี่อวิ๋น แปลว่า เมฆ (เมฆา) ดังนั้นเมื่อเอามารวมกันจึงกลายเป็น เฟิงอวิ๋น (วาตะเมฆา) ชื่อการ์ตูนจีนที่โด่งดังมากในจีน ฮ่องกง และไต้หวัน

[5] อาสฺยง คำว่า “อา” เป็นคำเรียกนำหน้าชื่ออย่างสนิทสนม ส่วน สฺยง เป็นชื่อเล่นของอู๋จื้อสฺยง

[6] อู๋จื้อสฺยง คำ “สฺยง” สย ออกเสียงควบกล้ำ โดยเน้นหนักที่เสียง ส.เสือ เหมือนอย่างคำว่า “กรง” ที่ กร ออกเสียงควบ และเน้นหนักที่เสียง ก.ไก่ (จุดพินทุอยู่ใต้พยัญชนะตัวไหน หมายถึงต้องเน้นหนักที่เสียงพยัญชนะตัวนั้น)

[7] เสี่ยวเฟิง : เสี่ยว เป็นคำเรียกนำหน้าชื่อผู้ที่อายุเท่ากันหรือน้อยกว่าอย่างสนิทสนมหรือเอ็นดู แปลคล้ายๆ เฟิงน้อย , ลูกเฟิง หรือหนูเฟิง ก็ได้ทั้งนั้น

[8] เสี่ยวเฟิง : เสี่ยว เป็นคำเรียกนำหน้าชื่อผู้ที่อายุเท่ากันหรือน้อยกว่าอย่างสนิทสนมหรือเอ็นดู แปลคล้ายๆ เฟิงน้อย , ลูกเฟิง หรือหนูเฟิง ก็ได้ทั้งนั้น

[9] ชามข้าวเหล็ก หมายถึง อาชีพที่ไม่มีทางถูกไล่ออก หรือตกงาน เช่น ข้าราชการ

หลินโหม่ว เข้าร่วมเมื่อ 3 ก.พ. 2555, 08:46

0 ความคิดเห็น