หัวข้อ : เล่มที่ ๓ สงครามอัศวิน ตอนที่ ๘ หุบเขามรณะสมชื่อ

โพสต์เมื่อ 2 ก.พ. 2555, 21:23

ตอนที่ ๘

 

หุบเขามรณะสมชื่อ

 

 

ในที่สุดเฉินเฟิงก็ตัดสินใจได้ และส่งข้อความไปว่า “แกล้งยอมแพ้ !” ส่วนตัวเขาเองก้าวออกไปข้างหน้าแล้วพูดว่า

“ช้าก่อน ! พวกเราจ่ายเงินก็ได้ แต่มีข้อแม้อยู่อย่าง นั่นคือโปรดแสดงความจริงใจด้วยการเปิดทางให้พวกเราก่อน ถึงยังไงพวกเราก็สู้พวกคุณไม่ได้อยู่แล้ว หรือยังจะกลัวว่าพวกเราจะหนี ?” พร้อมกันนั้นก็ส่งข้อความขอความช่วยเหลือไปในช่องมวลชนว่า “ประตูทางเข้าทิศเหนือของหุบเขามรณะมีอัศวิน ๙ คนขวางทางดักปล้น ท่านผู้กล้าที่อยู่ใกล้ๆ โปรดช่วยเหลือด้วย !”

“ฟุ่บ !” ทวนทั้ง ๙ เล่มวาดกลับสู่พื้นโดยพร้อมเพรียงกันอีกครั้ง อัศวินที่เป็นตัวแทนออกมาพูดเมื่อครู่ยื่นนิ้วชี้มือขวาออกมาส่ายไปมาตรงหน้าช้าๆ สีหน้าเหมือนจะบอกว่า “พวกนายไม่มีสิทธิ์ร้องขออะไรทั้งสิ้น !”

เฉินเฟิงเห็นแผนการสัมฤทธิ์ผล ก็เตรียมจะพูดถ่วงเวลาอีก ๒ - ๓ ประโยค อัศวินคนนั้นพลันหุบนิ้วกำเข้าหากัน จากนั้นเหวี่ยงลงอย่างรวดเร็ว !

ม้า ๙ ตัวพุ่งพรวดไปข้างหน้าพร้อมกันอย่างฉับพลัน ระยะห่างหลายเมตรหดเหลือแค่ ๒ - ๓ ก้าวในพริบตา !

ตอนที่เฉินเฟิงพูดจบ ก็เตรียมตัวรับมือผลลัพธ์ทุกอย่างที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้นอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าความเคลื่อนไหวของพวกอัศวินจะเร็วขนาดนี้ จึงน่าเสียดายอย่างมากที่นี่ดันเป็นผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด เขารีบส่งข้อความอย่างรวดเร็ว

“ระเบิดแสง ! ทุกคนเตรียมพุ่งฝ่าไป ! เป้าหมายคืออัศวินทางซ้ายสุด ถ้าผ่านไปได้สำเร็จก็อย่าย้อนกลับมาแล้ว”

จากนั้นตวัดฟาดแส้เทพสีหราชออกไปโดยไม่รอคำตอบ อเล็กซ์ปรากฏขึ้นตรงกลางระหว่างกลุ่มคนทั้งสองฝ่ายอย่างฉับพลัน อู้คงเองก็ตวัดกระบองห่วงทองในมืออย่างรวดเร็ว ต่างพุ่งฝ่าไปข้างหน้าประสานกับความเคลื่อนไหวของเฉินเฟิง

พวกอัศวินต่างสะดุ้งตกใจกับการปรากฏตัวและพุ่งทะลวงฝ่าของอเล็กซ์และอู้คง เพราะพลังของมนุษย์หมาป่าและวานรขนทองไม่กระจอกเลยแม้แต่น้อย !

สิ่งที่เฉินเฟิงต้องการคือเวลาไม่กี่วินาทีที่หยุดชะงักนี่แหละ เขาส่งข้อความออกไปอีกครั้ง

“ตอนนี้เลย ! พุ่งฝ่าไป !”

ทักษะพหุสื่อสารเปล่งประสิทธิภาพในบัดดล อเล็กซ์กับอู้คงแยกเป็นหนึ่งบนหนึ่งล่างโจมตีใส่อัศวินทางซ้ายสุดอย่างฉับพลัน หลายฝูเองก็ใช้คาถาคมวายุโจมตีอัศวินผู้บัญชาการซึ่งอยู่ตรงกลางทันควัน

เฉินเฟิงซัดระเบิดแสงออกไป แล้วหนีบท้องม้า ท่าบุกทะลวงสองเท่าเล็งตรงไปยังอัศวินที่อยู่ทางซ้ายสุดทันที แส้เทพสีหราชยืดยาวออกไปเป็นสิบกว่าฟุตในพริบตาตามที่ใจคิด เป้าหมายคือทวนในมือของอัศวินนั่นเอง

ทั้ง ๖ คนข้างหลังต่างก็มีความเคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน ต่างพุ่งทะลวงไปทางซ้ายตามหลังเฉินเฟิง

“แก๊ง !” คาถาคมวายุปะทะกับโล่ที่ยกขึ้นป้องกันเสียงดังก้อง

“เคล้ง !” ค้อนดาวตกปะทะกับทวนเสียงดังสนั่น

“ฮี้ฮฮฮฮ !” เสียงม้าร้องโหยหวนเมื่อถูกอู้คงโจมตีล้มลงสำเร็จ

“ตูม !” แสงสว่างเจิดจ้าบาดตาของระเบิดแสงแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ

ความเคลื่อนไหวติดต่อกันเป็นชุดดูซับซ้อน แต่ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาเพียง ๒ วินาทีเท่านั้น อัศวินทั้ง ๙ ยังไม่ทันไหวตัว อัศวินทางซ้ายสุดก็ตกจากหลังม้าไปเป็นที่เรียบร้อย

ยังไงทุกคนที่อยู่ในนั้นต่างก็เป็นผู้เล่นด้วยกันทั้งสิ้น เมื่อเห็นแสงสว่างจ้าต่างก็รีบหลับตาลงทันควัน แต่ก็เป็นไปตามที่เฉินเฟิงต้องการพอดี อันหมายความว่าความซวยของพวกอัศวินยังไม่สิ้นสุด

แส้เทพสีหราชตวัดพันใส่ทวนของอัศวินทางซ้ายสุดอย่างราบรื่น แล้วตัวอัศวินก็ถูกบังคับให้พุ่งลอยไปทางขวาตามการเคลื่อนไหวของซวงเว่ย

“อ๊ากกก !”

อัศวินเคราะห์ร้ายแผดร้องโหยหวนเมื่อคมทวนแวววับหกเล่มพร้อมใจกันแทงเข้าใส่ร่างโดยพร้อมเพรียง !

จวบจนตาย อัศวินคนนี้ก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาที่สั้นเกินไป อัศวินเคราะห์ร้ายถูกฆ่าตายคาที่ในพริบตา กลายเป็นลำแสงสีขาวสลายไป

เมื่ออัศวินที่ถูกฆ่าตายในพริบตาตายไป กำแพงอันเกิดจากคน ๙ คนก็เกิดช่องโหว่ขึ้นทันที คนทั้ง ๖ ต่างอาศัยช่องโหว่นี้ขี่ม้าเรียงเดี่ยวหนีออกไปได้อย่างราบรื่น

เสียงจากระบบได้ดังขึ้นกลางอากาศว่า

“ผู้เล่น เงาราตรีดั่งความฝัน (หว่านเฟิงหรูเมิ่ง) ซึ่งถูกประกาศจับ ได้ถูกลงโทษตามกฎหมาย ณ หุบเขามรณะ ขอเชิญผู้เล่นซึ่งช่วยรักษากฎหมายไปรับรางวัลได้ที่จุดสอบถามของเมืองใดเมืองหนึ่ง”

เวลาหนึ่งนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากทุกคนกลับมามองเห็นได้ดังเดิมแล้วต่างก็พบว่า ทั้งสองฝ่ายได้เปลี่ยนตำแหน่งกันเป็นที่เรียบร้อย อย่างเดียวที่น่าเสียดายคือ เพื่อช่วยดึงทวนให้เปิดทาง ทำให้เฉินเฟิงพลาดโอกาสผ่านกำแพงทหารม้าไปเสียแล้ว

เหล่าทหารม้าที่กราดเกรี้ยวต่างระดมโจมตีสัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวตรงหน้าอย่างสุดกำลัง ส่วนเฉินเฟิงได้เปลี่ยนระบบใช้ยาฟื้นพลังไปเป็นแบบใช้โดยอัตโนมัติแต่แรกแล้ว แถมยังปรับเปลี่ยนระดับที่ตั้งเอาไว้เป็นพอเสียเลือดปุ๊บให้ใช้ทันที แสงของยาฟื้นพลังจึงกะพริบวาบไม่ขาดสาย

แม้อเล็กซ์กับอู้คงจะเก่งกาจไม่ใช่เล่น น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้ในครั้งนี้คืออัศวิน ๘ คน หากสู้กันตัวต่อตัวยังอาจจะพอสูสี แต่เจอ ๘ ต่อ ๒ แบบนี้กระทั่งจะลงมือตอบโต้ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ

ครั้นเห็นสถานการณ์ชักจะไม่เข้าที เฉินเฟิงก็พยายามเป็นครั้งสุดท้าย ส่งข้อความไปว่า

“อย่าย้อนกลับมา ! ออกจากหุบเขาได้แล้วให้ใช้ม้วนคาถากลับบ้านทันที !” จากนั้นตวาดว่า “สัจจะแห่งราชา โทสะแห่งผู้อหังการ์ เทพมังกรผู้บงการวายุพิรุณเอย ข้าปรารถนาพลังของท่าน วายุมังกรหมุน !

เสียงลมกรีดคำรามก้องม้วนพัดฝุ่นบนพื้นขึ้นจนฟุ้งตลบ เฉินเฟิงฉวยโอกาสที่กำลังชุลมุนเก็บสัตว์เลี้ยงทุกตัวกลับเข้าแส้แล้วหันหลังเผ่นแนบทันที

แม้อานุภาพของวายุมังกรหมุนจะรุนแรงไม่ใช่น้อย แต่ก็ไม่สามารถพัดพวกอัศวินกระจายหายไปได้ อัศวิน ๓ คนข้างหลังไล่ตามติดมากระชั้นชิดอย่างโกรธจัด และแล้วการไล่ล่าอย่างเอาเป็นเอาตายก็เปิดฉากขึ้น

 

พวกเฮยโถวทั้ง ๖ คนวิ่งจนออกมาพ้นจากหุบเขามรณะแล้วถึงค่อยพบว่า เฉินเฟิงดันไม่ได้ตามมาด้วย ! ขณะจะย้อนกลับไป ก็ถูกอัศวินหลายคนเข้ามาล้อมเอาไว้

ความสุขไม่มาซ้ำ ความทุกข์ไม่มาเดี่ยว ทั้ง ๖ ต่างคิดในใจว่าหนนี้ท่าจะรอดยากเสียแล้ว และได้แต่ภาวนาให้เฉินเฟิงปลอดภัย

อัศวินตรงหน้าแต่งตัวเหมือนกับพวกอัศวินที่ขวางทางดักปล้นไม่มีผิดเพี้ยน ขี่ม้ามังกรเหงื่อโลหิตสีแดง มือถือทวนใหญ่มหึมา ถ้าจะบอกว่าต่างกันที่ตรงไหน ก็เห็นจะเป็นไม่มีแสงสีแดงของนักโทษประกาศจับเรืองออกมาจากตัว แต่ในเมื่ออัศวิน ๙ คนเมื่อครู่บอกว่าเป็นคนเฝ้าประตู อย่างนั้นพวกที่เจอในตอนนี้ก็ต้องเป็นพวกเดียวกันกับ ๙ คนนั้นแน่แล้ว

ขณะที่คนทั้ง ๖ กำลังคิดจะยอมให้จับกุมแต่โดยดี อัศวินคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาพูดว่า

“สวัสดีครับ ผมเป็นสมาชิกของขบวนอัศวินมังกรของแท้ ไม่ทราบว่าคุณเห็นเศษเดนอัศวินพวกนั้นบ้างหรือเปล่าครับ ?”

ทั้ง ๖ ต่างตกตะลึงไปชั่วขณะ สุดท้ายเฮยโถวหลุดปากว่า

“ขบวนอัศวินมังกรของแท้ ? ขบวนอัศวินมังกร ? ว้าก ! ไม่สนแล้ว...ในเมื่อไม่ใช่ศัตรู งั้นคนที่พวกคุณกำลังหาน่าจะอยู่ด้านหลังนะ มีเพื่อนของพวกเราคนนึงยังโดนกักตัวไว้อยู่เลย ถ้าจะหาคนพวกนั้นก็ตามมาเถอะครับ !” พูดจบก็ชักม้าวิ่งนำทันที

คนที่เหลือทั้ง ๕ ก็ขี่ม้าตามไปอย่างไม่มีการลังเล

 

เฉินเฟิงหนีพลางซัดระเบิดแสงลงพื้นหนึ่งลูกทุกระยะครึ่งกิโลเมตร เมื่อต้องมาเผชิญกับพวกขบวนอัศวิน เขาตระหนักดีว่า ถ้าไม่เพราะขยันซัดระเบิดแสงเป็นระยะๆ ถ่วงความเร็วของพวกนั้นเอาไว้ ป่านนี้เขาคงถูกส่งกลับบ้านเก่าไปนานแล้ว

ไม่ทราบเหมือนกันว่าอัศวินพวกนี้อยู่ระดับไหนกันแน่ เพราะขอแค่ความเร็วตกลงนิดหน่อย ธนูของอัศวินทั้ง ๘ ก็พุ่งไล่หลังมาทันที ทำเอาเฉินเฟิงได้แต่ควบม้าโกยหน้าตั้งสถานเดียวโดยไม่มีเวลาหยุดพัก

หลังจากวิ่งตาลีตาเหลือกมาได้หนึ่งชั่วโมงกว่า พละกำลังของซวงเว่ยก็ใกล้จะถึงขีดสุด น่าเสียดายที่ดูเหมือนเขาจะกำลังดวงตกสุดขีด เพราะข้างหน้าดันมีลิงค้างคาวโผล่ออกมาขวางทาง ๒ ฝูงพอดิบพอดี

หากเป็นเวลาปกติ เฉินเฟิงที่มีสัตว์เลี้ยงตั้ง ๔ ตัวย่อมจะไม่กลัวอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ดันโดนประกบทั้งหน้าหลัง จึงได้แต่ถอนใจว่าบางทีโชคดีคงถูกใช้หมดไปซะแล้ว !

เฉินเฟิงพลิกตัวลงจากหลังม้า แล้วเก็บซวงเว่ยเข้าไปในแส้เทพสีหราช คิดในใจว่าเผื่อตัวเขาเกิดตายขึ้นมา ถึงยังไงแส้เทพสีหราชนี่ก็เป็นไอเท็มที่ขายโอนไม่ได้ พวกสัตว์เลี้ยงหลบอยู่ในนี้แล้วน่าจะรอดพ้นจากภัยครั้งนี้ไปได้ แถมเขาจะได้รอดพ้นจากฝันร้ายเรื่องช่วยชุบชีวิตให้พวกมันไม่ทันด้วย

เวลานั้นเองระบบได้แจ้งให้ทราบว่าทักษะขี่ม้าเลื่อนขึ้นเป็นระดับ ๙ เฉินเฟิงพึมพำว่า

“ตอนนี้ได้เลื่อนทักษะอะไรก็ไร้ประโยชน์ สู้ช่วยทำให้ฉันหายตัวไปได้ยังจะดีซะกว่า !”

“ฟุ่บ !”

ธนูปลายติดขนนกดอกหนึ่งพุ่งแหวกอากาศตรงเข้าหา เฉินเฟิงฟังจากเสียงลมแยกแยะตำแหน่งออก แล้วเอียงศีรษะหลบทันเวลา ลูกธนูพุ่งผ่านข้างศีรษะไปปักถูกลิงค้างคาวตัวหนึ่งเข้าให้พอดี ตัวหนึ่งถูกเล่นงาน ทั้งฝูงล้อมจู่โจม

ลูกธนูดอกนี้มาได้จังหวะมากจริงๆ ลิงค้างคาวทั้ง ๖ ตัวบินผ่านเฉินเฟิงพุ่งตรงเข้าไปหากลุ่มอัศวินแทนที่ทันควัน

เฉินเฟิงมองพวกอัศวินปะทะกับฝูงลิงค้างคาวอย่างตกตะลึง แล้วพลันตบศีรษะตัวเองพลางร้องว่า

“ฮ่าฮ่า ! หายตัวไป...เราหายตัวได้นี่นา ! ลืมไปได้ยังไงเนี่ยเรา ?” จากนั้นท่องเบาๆ “สัจจะแห่งราชา โทสะแห่งผู้อหังการ์ เทพีผู้ทรงภูมิปัญญาเอย ข้าปรารถนาพลังของท่าน คาถาพรางกาย !

ระหว่างความชุลมุนวุ่นวาย ร่างของเฉินเฟิงก็ค่อยๆ หายไปจากตำแหน่งที่ยืนอยู่

เพิ่งจะเดินไปหลบที่ข้างทางเสร็จ การต่อสู้ระหว่างฝูงลิงค้างคาวกับกลุ่มอัศวินก็จบลง ความรวดเร็วในการลงมือทำให้เฉินเฟิงได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ และแอบดีใจที่เขานึกถึงคาถาพรางกายได้เร็ว นี่ถ้าช้ากว่านี้สัก ๒ - ๓ นาที มีหวังได้โกยหน้าตั้งกันอีกรอบแน่

อัศวินทั้ง ๘ เหลียวซ้ายแลขวาอยู่พักใหญ่ ก็ยังไม่เห็นวี่แววของเฉินเฟิง อัศวินคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างโมโห

“ลูกพี่ ไอ้หนูนั่นหนีไปอีกแล้ว !”

ในใจเฉินเฟิงกลัวแทบบ้า ขืนถูกหาพบเข้าตอนนี้ มีหวังอยู่ได้แค่ไม่กี่นาทีแน่ ! ที่หนีแบบตาลีตาเหลือกมาตั้งหนึ่งชั่วโมงเมื่อครู่ เขาได้ใช้ระเบิดแสงที่มีไปจนเกลี้ยงแล้ว ทั้งหมด ๓๐ ลูก เงิน ๓,๐๐๐ เหรียญเงินหายวับไปกับสายลม คิดแล้วยังอดเจ็บปวดใจไม่ได้

อัศวินที่เป็นหัวหน้าพูดว่า

“มันหนีเก่งเป็นบ้า ชิ...ในหุบเขามรณะนี่มันหนีไม่พ้นหรอกน่า คนเดียวดันพกระเบิดแสงตั้งมากขนาดนั้น ต้องเป็นแพะอ้วน[1]แน่ๆ ฉันไม่เชื่อว่าระเบิดแสงของมันจะใช้ไม่มีวันหมด พวกเราตาม !”

อัศวินทั้ง ๘ ต่างควบม้าห้อตะบึงจากไปจนฝุ่นฟุ้งกระจาย ตอนนี้หากมีคนช่างสังเกตผ่านมา จะต้องมองเห็นแน่ๆ ว่าข้างทางมีพื้นที่เล็กๆ บริเวณหนึ่งที่ไม่โดนฝุ่นจับ แน่นอนว่านั่นคือตำแหน่งที่เฉินเฟิงซ่อนตัวอยู่

หลังจากเห็นอัศวินทั้ง ๘ จากไปแล้ว หัวใจที่แทบจะกระดอนออกมาจากปากของเฉินเฟิงก็ค่อยสงบลงได้

แต่ภาวะวิกฤติยังไม่ผ่านพ้น เมื่อไม่มีระเบิดแสงเหลือแล้ว เกิดพวกนั้นย้อนกลับมาอีกครั้ง ผลลัพธ์จะเป็นยังไงเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด

เฉินเฟิงนึกขอบคุณเทพีแห่งโชคชะตาที่ช่วยเหลือเขาอีกครั้ง โชคดีที่อัศวิน ๘ คนนั้นไม่ได้หยุดมองหาวี่แววของเขานาน เพราะคาถาพรางกายขั้น ๑ มีผลแค่ ๑๕ นาที แถมยิ่งใกล้เวลาขีดจำกัด ผลของการพรางกายจะยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ เสียด้วย

เฉินเฟิงไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเวลาที่เขาต้องใช้ทักษะนี้ ตอนที่เลือกเลื่อนขั้นให้ทักษะพิเศษ ส่วนสุดท้ายเขาก็เลือกเลื่อนขั้นให้ท่าวายุมังกรหมุนที่เป็นท่าโจมตี ความระมัดระวังพาให้อายุยืน ดูท่าเขาต้องทำความคุ้นเคยกับทักษะที่ตัวเองมีให้มากๆ หน่อยเสียแล้ว

หลังจากพวกอัศวินจากไปไกล ร่างของเฉินเฟิงก็กลับคืนเป็นปกติ ดูจากการถูกไล่เมื่อครู่ ต่อให้ตัวเขาไม่พักผ่อน พวกนั้นก็สามารถตามมาทันได้อย่างง่ายดาย และขอแค่ทางข้างหน้ามีสัตว์อสูรโผล่มา พวกอัศวินจะต้องนึกเอะใจและพากันย้อนกลับมาแน่

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เฉินเฟิงก็ตัดสินใจวางกับดักไว้บนถนน ถ้ามันใช้ได้ผล อย่างน้อยก็จะถ่วงเวลาไปได้สักครึ่งชั่วโมง ซึ่งขอแค่เผ่นออกจากหุบเขามรณะไปได้ก็ปลอดภัยแล้ว

เสียเวลาไป ๑๐ กว่านาทีเฉินเฟิงก็วางกับดักเสร็จไปทั้งหมด ๒๐ กว่าอัน จากนั้นปล่อยซวงเว่ยออกมาแล้วขี่ย้อนกลับไปตามทางเดิม จนถึงตอนนี้เขาค่อยมีเวลาติดต่อถึงพวกเฮยโถว

พอติดต่อไป ก็ได้ทราบว่าทุกคนต่างปลอดภัยดี เดิมทีทั้ง ๖ ต่างนำทางพวกอัศวิน แต่เนื่องจากความเร็วอืดเกินไป ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าทั้ง ๖ ต่างก็ไล่ตามหลังพวกอัศวินมา

ครั้นเฉินเฟิงได้ทราบว่ามีกองหนุนตามมาช่วยก็ชักกลุ้ม เพราะขืนกับดักที่เขาวางไว้ดันไปทำร้ายกองหนุนที่มาช่วยละซวยแน่ จึงได้แต่หยุดอยู่กับที่รอพวกนั้นมาถึง เขาปล่อยสัตว์เลี้ยงออกมาทั้งหมดในรวดเดียว แล้วเปลี่ยนไปใช้หน้าไม้เหล็กกล้า ตอนนี้ได้แต่รอดูว่าคนจากฝั่งไหนจะมาถึงก่อนกัน

ระหว่างที่กำลังอยู่ว่างๆ เฉินเฟิงก็สำรวจมองไปรอบๆ อเล็กซ์ อู้คง หลายฝู...ไข่สีแดง ! ไอเท็มของรางวัลจากวิหารมังกรเงิน “ไข่ยักษ์สีแดง !”

ครั้นเห็นไข่ใบนี้โผล่มา ค่อยรู้ตัวว่าเมื่อกี้ตอนที่กำลังเบลอไปชั่ววูบเขาดันเผลอเรียกไข่ใบนี้ออกมาด้วยเสียแล้ว

ตอนที่ระดับของแส้เลื่อนขึ้นเป็นระดับ ๒๐ ครั้งหนึ่งตอนที่กำลังวิจัยแส้เทพสีหราชและทักษะพหุสื่อสาร เขาได้เผลอเก็บมันเข้าไปในแส้เทพสีหราชด้วยแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวและคาดไม่ถึง

หลังจากที่ทักษะสื่อสารของเฉินเฟิงเลื่อนขึ้นถึงระดับ ๑๐ ไข่สีแดงก็เริ่มจะมีความรู้สึกปรากฏ ทุกครั้งที่ใช้ทักษะพหุสื่อสาร ความคิดของสัตว์เลี้ยงจะปรากฏขึ้นในสมองของเฉินเฟิงพร้อมๆ กัน ทำเอาเวลาออกคำสั่งแต่ละครั้งทำได้แค่สั่งทุกตัวด้วยคำสั่งเดียวกันทั้งหมด

แต่นิสัยของสัตว์เลี้ยงแต่ละตัวนั้นแตกต่างกัน การบัญชาการแบบนี้จะไม่สามารถเปล่งความสามารถของสัตว์เลี้ยงออกมาได้ถึงขีดสุด หลังจากที่เฉินเฟิงผู้นิยมการวิจัยทดลองวิจัยไปหลายต่อหลายครั้ง ถึงค่อยคิดหาวิธีมาได้อย่างยากเย็น โดยแยกสั่งให้สัตว์เลี้ยงแต่ละตัวเคลื่อนไหวไปคนละแบบในเวลาเดียวกัน

เฉินเฟิงค้นพบความคิดของไข่สีแดงก็ในตอนนั้นเอง เพียงแต่ทุกครั้งที่เขาสั่งสัตว์เลี้ยงทุกตัวพร้อมกัน มันจะส่งความคิดมาบอกแค่ว่าไม่สามารถปฏิบัติได้ จนกระทั่งได้ทักษะร้องเรียกมา วันไหนสักวันที่กำลังศึกษาทดลองเก็บและปล่อยสัตว์เลี้ยงออกจากแส้ ไข่สีแดงได้พลอยเคลื่อนไหวตามไปด้วยอย่างนึกไม่ถึง

ถึงแม้จนตอนนี้เฉินเฟิงเองก็ยังไม่เข้าใจว่าไข่ที่ไม่มีมือเท้าเข้าออกแส้เทพสีหราชด้วยวิธีไหนกันหว่า แต่ไข่สีแดงก็เข้าไปในแส้เทพสีหราชทั้งแบบนี้ไปเรียบร้อยแล้ว

ตอนแรกเฉินเฟิงยังกลัวว่าใส่ไว้ในแส้เทพสีหราชแล้วไข่สีแดงจะสูญเสียความอบอุ่นไป แต่ต่อมาก็พบว่า ไม่ว่าจะใส่ไว้นานแค่ไหน อุณหภูมิก็จะไม่ลดต่ำลง เขาจึงสบายไปและปล่อยมันไปตามเรื่องของมัน

ความจริงก่อนที่ไข่สีแดงจะเข้าไปอยู่ในแส้เทพสีหราช มันสร้างความลำบากยุ่งยากให้เฉินเฟิงไม่ใช่น้อย เพราะถึงจะใส่เอาไว้ในถุงนอนยัดขนนกแล้ว ก็ยังต้องเอาออกมากอดเพิ่มความอบอุ่นให้เป็นระยะๆ

เฉินเฟิงคิดอยู่บ่อยๆ ว่า สาวๆ สามคนนั้นทำยังไงกับไข่ของตัวเองกันบ้างนะ ? แค่เรื่องเพิ่มอุณหภูมินี่เรื่องเดียวก็น่าขำจะตายอยู่แล้ว ไม่รู้ไข่ของพวกเธอฟักออกมากันหรือยัง ? และฟักออกมาเป็นสัตว์อสูรแบบไหน ?

เฉินเฟิงรีบเรียกไข่สีแดงกลับเข้าไปในแส้เทพสีหราช นี่เพราะอัศวินบัดซบพวกนั้นแท้ๆ ตั้งแต่พวกนั้นโผล่มาจนถึงตอนนี้ ก็ทำเอาเซลล์สมองของเฉินเฟิงถูกใช้งานหนักจนฝ่อไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่

การใช้ทักษะพหุสื่อสารก็คือการแบ่งความคิดออกเป็นหลายส่วน แม้ผลลัพธ์จะยอดเยี่ยมมาก แต่การแยกสั่งการสัตว์เลี้ยงแต่ละตัวอย่างละเอียดในเวลาเดียวกันก็เหนื่อยไม่ใช่เล่น หากสมองไม่ปลอดโปร่งพอล่ะก็ จะเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ง่ายมาก อย่างเมื่อกี้ที่เผลอใจลอยไปแป๊บเดียว ไข่สีแดงที่ไม่ได้เห็นมานานก็ถูกเรียกออกมาเสียแล้ว โชคดีที่ข้างๆ ไม่มีใครอยู่ ไม่งั้นเขามีหวังโดนหัวเราะตายแน่

ทางด้านหลังมีเสียงฝีเท้าม้าดังขึ้น เทพแห่งโชคยังคงยืนอยู่ข้างเฉินเฟิงเช่นเคย เพราะหมายความว่ากองหนุนมาถึงก่อนศัตรูหนึ่งก้าว

 

ขบวนอัศวินมังกรของแท้ ๑๒ คนมาหยุดลงตรงหน้าเฉินเฟิง อัศวินที่นำหน้าก้าวออกมาพูดว่า

“สวัสดีครับ ผมเป็นสมาชิกของขบวนอัศวินมังกรของแท้ คุณคือคนที่เมื่อกี้กำลังถูกไล่ฆ่าอยู่ใช่หรือเปล่าครับ ?”

ปฏิกิริยาของเฉินเฟิงเหมือนพวกเฮยโถวเมื่อครู่ก่อนเปี๊ยบ คือทำหน้าเหรองงไปพักหนึ่ง กว่าจะหลุดปากออกมาได้ว่า

“ขบวนอัศวินมังกรของแท้ ? นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย ! ทำไมถึงเป็นขบวนอัศวินมังกรเหมือนกันล่ะ ? ถูกแล้วครับ ผู้น้องคือคนที่กำลังถูกไล่ฆ่าเมื่อครู่นี้ พวกนั้นไปข้างหน้าโน่นแล้วครับ แต่อีกไม่นานก็น่าจะกลับมาแล้วล่ะ เมื่อกี้ผู้น้องวางกับดักเอาไว้ข้างหน้าโน้น ๒๐ กว่าอัน เลยกลัวว่าเกิดมันทำร้ายถูกทุกท่านเข้าละคงไม่เข้าทีแน่ จึงมาหยุดรอทุกท่านอยู่ที่นี่”

เมื่ออัศวินหัวหน้าขบวนฟังที่เฉินเฟิงพูดจบ ก็ถอนหายใจยาว ในเมื่ออัศวินพวกนั้นจะย้อนกลับมา งั้นก็ไม่ต้องรีบไล่ตามไปแล้ว

ดูเหมือนเขาจะปรับใจอยู่ครู่ใหญ่ แล้วจึงพูดว่า

“เรื่องนี้พูดไปแล้วยาวมาก...หากพี่น้องอยากจะทราบ รอพวกเราจัดการเศษเดนอัศวินพวกนั้นเรียบร้อยแล้ว พวกเราจะหาโอกาสเล่าให้คุณฟังอย่างละเอียด ดูจากชุดของคุณ คุณคงจะได้อาชีพนินจาแล้วสินะครับ คงจะใช้คาถาพรางกายหลบรอดมาได้กระมัง ชื่อของผมคือ มังกรผงาดฟ้า (เฟยหลงจ้ายเทียน) ยังไม่ทราบเลยครับว่าพี่น้องชื่ออะไร ?”

เฉินเฟิงยิ้ม “พี่มังกรผงาดฟ้าเกรงใจกันเกินไปแล้วล่ะครับ ผู้น้องแค่สงสัยนิดหน่อยเท่านั้นเอง หากไม่สะดวกจะบอก ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ในเมื่อ ๙ คนนั้นมีเรื่องบาดหมางอยู่กับทุกท่าน อย่างนั้นเราทุกคนก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้วล่ะ ผู้น้องชื่อเฉินเฟิง เป็นแค่ผู้เล่นธรรมดา เป็นพวกพ้องกลุ่มเดียวกับ ๖ คนนั้นที่ทุกท่านได้พบก่อนหน้านี้ คุณนี่เก่งจริงๆ เมื่อกี้ถ้าเปลี่ยนเป็นมีคุณอยู่ด้วยล่ะก็ แผนตบตาของผู้น้องคงถูกดูออกไปแล้ว” พูดจบก็บอกตำแหน่งของกับดักโดยละเอียด ไม่งั้นเดี๋ยวเกิดพวกเดียวกันเองไปโดนกับดักเข้าให้ละเป็นเรื่องแน่

พักใหญ่ให้หลัง พวกเฮยโถวก็ไล่ตามมาถึงในที่สุด ต่างก็ร้องทักทายถามไถ่เฉินเฟิงกันใหญ่ แต่ที่น่าแปลกใจคือ อัศวิน ๘ คนนั้นน่าจะย้อนกลับมาได้ตั้งนานแล้วนี่นา

เสียเวลารอต่อไปก็ไม่ใช่วิธีที่ดีนัก ดังนั้นเหล่าอัศวินจึงตัดสินใจว่าจะไม่รอต่อแล้ว เฉินเฟิงได้แต่นำทุกคนก้าวผ่านเขตกับดักไป แล้วขบวนอัศวินมังกรของแท้ก็ห้อตะบึงคึ่กๆ จากไปไล่ตามขบวนอัศวินมังกรกันต่อ

เฉินเฟิงมองกับดักพลางยิ้มเฝื่อนๆ “เสียค่ากับดัก ๒๔ อันไปเปล่าๆ อีกแล้ว อันละ ๒๐๐ เหรียญเงิน ๒๔ อันก็ ๔,๘๐๐ เหรียญเงิน บวกกับค่าระเบิดแสงอีก ๓,๐๐๐ เหรียญเงิน สวรรค์ ! ๗,๘๐๐ เหรียญเงิน วันนึงจ่ายตั้งมากขนาดนี้ หามาได้เท่าไหร่ก็ไม่พอให้จ่ายแน่ !”

เฉินเฟิงลังเลไม่ทราบจะทำอย่างไรดี หากรื้อทิ้งก็จะขาดทุนทันที ถ้าไม่รื้อ เกิดมันฆ่าคนขึ้นมา เขาได้ถูกประกาศจับแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่แน่

เจี๋ยเต๋อเห็นเฉินเฟิงเอาแต่ลังเลอยู่นั่นแล้ว จึงได้แต่พูดว่า

“พี่เฟิง พวกเราจะตามไปกันมั้ย ? ถ้าไม่รีบตามไปจะตามไม่ทันแล้วนะ พวกเขาวิ่งกันเร็วจะตาย”

เฉินเฟิงส่ายหน้า “ถ้าพวกคุณอยากจะล้างแค้นก็ตามไปเถอะ ! ผมเสียดายกับดักพวกนี้ เลยขออยู่รอดูว่าพอจะใช้ฆ่าคางคกยักษ์ได้บ้างหรือเปล่าดีกว่า”

เมื่อทั้ง ๖ ได้ยินว่าเฉินเฟิงไม่คิดจะไล่ตามไป จึงต่างบอกว่าจะรออยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเฉินเฟิง ด้วยเหตุนี้ทั้ง ๗ คนจึงต่างอยู่รอสัตว์อสูรเกิดใหม่กันตรงนั้น

เฉินเฟิงที่กำลังเบื่อๆ เปิดช่องมวลชนขึ้นมาดู แล้วค่อยทราบว่าพวกขบวนอัศวินมังกรกลุ่มนั้นเป็นศัตรูของมหาชนโดยแท้ เพราะมีคนถามถึงร่องรอยของพวกนั้นตลอดเวลา ทางเข้าด้านใต้ของหุบเขามรณะมีพวกผู้เล่นรวมกลุ่มกันออกไล่ล่าพวกนี้กันกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าไม่ขาดสาย ทุกคนต่างทราบดีว่าในหุบเขามรณะไม่สามารถใช้ม้วนคาถากลับบ้านได้ จึงกะจะพิพากษาลงทัณฑ์เดนคนพวกนี้ให้จงได้ในครั้งนี้

มิน่าเล่าอัศวิน ๘ คนนั้นถึงได้ไม่ย้อนกลับมาเสียที ดูจากข่าวสารในช่องมวลชน ตอนนี้ในหุบเขามรณะมีผู้เล่นที่กำลังตามไล่ล่าพวกนั้นอย่างน้อย ๒๐๐ - ๓๐๐ คน

แบบนี้ไล่ตามต่อไปยิ่งไร้ความหมายเข้าไปใหญ่ เฉินเฟิงสั่งหลายฝูกับอู้คงให้ขยายขอบเขตการล่อสัตว์อสูรเข้ามาติดกับดัก เข้าออกเรือนอย่างปลอดภัยฉวยโอกาสศึกษาวิธีใช้กับดักเสียเลย ส่วนคนอื่นๆ ต่างสนอกสนใจอเล็กซ์กันอย่างมาก

ไม่ทราบเพราะอะไร ผ่านไปตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีสัตว์อสูรเกิดใหม่โผล่มา เหตุการณ์แบบนี้ไม่ปกติเลยแม้แต่น้อย อยู่ๆ เฉินเฟิงก็รู้สึกขึ้นมากะทันหันว่าเหมือนจะเคยพบบรรยากาศแบบนี้ที่ไหนมาก่อน เพียงแต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก จึงได้แต่สั่งให้หลายฝูกับอู้คงกลับมาข้างกายอย่างไม่กล้าวางใจ และสั่งให้ทั้ง ๖ คนระวังตัวกันให้ดี

เมื่อได้ฟังคำเตือนของเฉินเฟิง ทั้ง ๖ ต่างก็รู้สึกขึ้นมาทันควันว่าบรรยากาศดูแปลกๆ ชอบกล ทันใดนั้นทางด้านใต้ได้มีเสียงร้องเอะอะชุลมุนวุ่นวายแว่วมา ทั้ง ๗ ทอดสายตามองไป แล้วต้องสูดหายใจลึกอย่างลืมตัว สิ่งที่เห็นคือกลุ่มผู้เล่น ๗๐ - ๘๐ คนกำลังวิ่งมาทางนี้ สีหน้าแต่ละคนมีแต่ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงสุดขีด

เฉินเฟิงรีบเข้าไปบอกทางผ่านเขตกับดักให้พวกผู้เล่นที่มีท่าทางเหมือนกำลังโกยหน้าตั้ง เนื่องจากจำนวนคนมีมากเกินไป เขาจึงจำใจต้องรื้อกับดักตรงกลางออกหลายอัน ยังไม่ทันได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงคำรามดังสะท้านสะเทือนจนหูอื้อก็ได้ตอบคำถามแทนพวกผู้เล่นเป็นที่เรียบร้อย

ยักษ์สามตาตัวสูงอย่างน้อย ๒๐ เมตร มือถือกระบองเขี้ยวหมาป่าขนาดยักษ์[2]เดินตามหลังกลุ่มผู้เล่นที่กำลังโกยหน้าตั้งมาทีละก้าวๆ

มิน่าเล่าทุกคนถึงต้องเผ่นกันหน้าตั้งแบบนี้ เพราะแค่กระบองเขี้ยวหมาป่านั่นเหวี่ยงเบาๆ ผู้เล่นที่โดนเข้าก็จะนอนนิ่งสนิทอยู่กับพื้นทันที ท่าจะไม่รอดเสียละมาก

เฮยโถวร้องอุทานลั่น “ฆ่าในพริบตา ! นี่มันสัตว์อสูรชนิดไหนกันเนี่ย ?!”

ต้องทราบว่าตอนนี้พวกผู้เล่นที่กล้าเข้ามาในหุบเขามรณะต่างต้องมีความสามารถพอตัวกันทั้งนั้น แค่โจมตีเบาๆ ทีเดียวก็ฆ่าผู้เล่นได้ในพริบตา ความมหาศาลของพลังโจมตีไม่ต้องบอกก็พอเดาได้

แต่ก็มีผู้เล่นไม่ใช่น้อยที่ไม่ยอมถอยกับเรื่องนี้ กระนั้นก็กล้าแค่ใช้อาวุธที่โจมตีจากระยะไกลได้โจมตี แถมยังโจมตีพลางถอยพลาง

เฉินเฟิงล้วงกล้องส่องทางไกลออกมาส่องดู ยิ่งดูก็ยิ่งขนหัวลุก มีแค่จอมเวทไม่กี่คนที่พอจะสร้างความเสียหายเล็กน้อยให้แก่ยักษ์สามตาได้บ้าง ส่วนผู้เล่นที่ใช้อาวุธคนอื่นๆ แค่ทำให้มันรู้สึกคันๆ เท่านั้น เกล็ดขนาดยักษ์บนตัวของยักษ์สามตาสามารถป้องกันการโจมตีทุกชนิดได้อย่างง่ายดาย รวมถึงการโจมตีของลูกธนู

เข้าออกเรือนอย่างปลอดภัยเปิดคู่มือสัตว์อสูรออกดูอย่างรวดเร็ว แต่พลิกดูจนถึงหน้าสุดท้ายก็หาข้อมูลอะไรไม่เจอ จึงได้แต่พูดว่า

“ไม่มีบันทึกไว้ พี่เฟิง จะทำยังไงกันดีครับ ?”

นับตั้งแต่เฉินเฟิงนำคนทั้ง ๖ เอาชนะตุ่นยักษ์ได้เป็นต้นมา เมื่อทั้ง ๖ เจอเรื่องยุ่งยากอะไร ก็จะหันมาถามเฉินเฟิงเป็นอันดับแรก เพราะวิธีการของเฉินเฟิงใช้ได้ผลมาทุกครั้ง แล้วยังจะคิดหาทางเองให้ปวดหัวไปทำไมกันเล่า ?

ระหว่างที่เฉินเฟิงยังลังเลว่าจะสู้หรือจะถอยดี ยักษ์สามตาก็ใกล้เข้ามาอีกมากแล้ว

เสียงจากระบบได้ดังขึ้นกลางอากาศว่า

“ระบบขอแจ้งให้ทราบ สัตว์อสูรระดับราชา ‘ยักษ์สามตาเกล็ดมังกร’ ได้เข้ามาใกล้ ระดับ ๘๐ สังกัดธาตุดิน ผู้ที่ถูกสัตว์อสูรระดับราชาสังหาร เวลาที่ใช้ในการรอเกิดใหม่ต้องเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น ๔ ชั่วโมง”

เข้าออกเรือนอย่างปลอดภัยค่อยเข้าใจ “ที่แท้ก็สัตว์อสูรพันธุ์ใหม่นี่เอง มิน่าล่ะถึงไม่มีในคู่มือสัตว์อสูร ยักษ์สามตาเกล็ดมังกรนี่ถูกเปิดตัวพร้อมกับความสามารถใหม่ของกลุ่มและสมาคม นอกจากข้อมูลเรื่องสังกัดธาตุกับระดับแล้ว ข้อมูลอื่นมีน้อยมากๆ รู้แค่ว่าเป็นสัตว์อสูรระดับราชาที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปกู่ย่าในตอนนี้เท่านั้น กระทั่งสถานที่ปรากฏตัวก็ยังไม่ประกาศเลย นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีโอกาสได้มาเจอเข้าที่นี่ !”

ผ่านหุบเขามรณะครั้งนี้เจอแต่เรื่องไม่ได้หยุดจริงๆ ในที่สุดเฉินเฟิงก็ซึ้งแล้วว่าการต้องเป็นคนตัดสินใจมันกดดันมากขนาดไหน อย่าว่าแต่พวกผู้เล่นที่ยังไม่ยอมแพ้และใช้วิธีสู้พลางถอยเลย แค่พวกผู้เล่นที่วิ่งหน้าตั้งกันเมื่อกี้ ไม่ว่าคนไหนต่างก็แข็งแกร่งกว่าพวกเขา ๗ คนกันทั้งนั้น

ถ้าวันนี้มีเฉินเฟิงแค่คนเดียว เขาอาจจะพลอยเข้าไปร่วมวงไพบูลย์กับพวกผู้เล่นที่ยังสู้พลางถอยพลางก็ได้ แต่ตอนนี้มีคนอีก ๖ คนมากับเขาด้วย เฉินเฟิงจึงได้แต่ตัดสินใจไม่ขอเข้าร่วมขบวนกับผู้เล่นพวกนั้น

หลังจากรื้อกับดักทั้งหมดเสร็จ ทั้ง ๗ ก็เข้าร่วมขบวนโกยหน้าตั้งกับพวกผู้เล่นส่วนใหญ่ ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่ามหกรรมปิดประตูตีแมวจะกลายมาเป็นรายการเบิกโรงเปิดตัวอย่างอลังการล้านแตกของยักษ์สามตาเกล็ดมังกรไปเสียได้

อาจเป็นเพราะอัศวินทั้ง ๘ ของขบวนอัศวินมังกรจะยังดวงไม่ถึงฆาต เพราะถึงจะมีความเป็นไปได้สูงว่าจะถูกยักษ์สามตากระทืบดับอนาถไปนานแล้ว แต่เมื่อเทียบกับการโดนผู้เล่นด้วยกันฆ่า ก็แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

หากผู้เล่นที่ถูกประกาศจับตายไปเพราะถูกสัตว์อสูรฆ่า ก็จะเป็นเหมือนผู้เล่นธรรมดาทั่วไป เพียงแต่ไอเท็มเครื่องป้องกันที่ต้องสูญเสียอาจจะมากกว่ากันหน่อย แต่ถ้าถูกผู้เล่นด้วยกันฆ่าตายล่ะก็ นอกจากไอเท็มเครื่องป้องกันทั้งหมดที่มีจะถูกยกให้เป็นของรางวัลแก่ผู้ที่ฆ่าได้แล้ว ระดับยังจะลดลงถึง ๑๐ กว่าระดับในรวดเดียว ! ดังนั้นได้แต่บอกว่าครั้งนี้อัศวินพวกนั้นโชคดีอย่างที่ไม่สมควรจะโชคดีเลย ถูกปิดประตูตีแมวอยู่ในหุบเขามรณะนี่แล้วแท้ๆ ยังจะรอดไปได้อีก สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ !



[1] แพะอ้วน หมายถึง รวย มีเงินมาก เป็นเหยื่อให้เฉือนชั้นดี

[2] กระบองเขี้ยวหมาป่า เป็นท่อนเหล็กตัน ความยาวประมาณพอๆ กับความยาวของดาบ เป็นอาวุธที่มีน้ำหนักมากเนื่องจากเป็นท่อนเหล็กตัน และมีหลายแบบ บางชนิดมีด้ามจับ ส่วนตัวท่อนเหล็กจะมีหนามแบบหนามตะบองเพชรงอกออกมาตลอดตัวกระบอง บางชนิดไม่มีด้ามจับ เป็นแต่ท่อนเหล็กโล้นๆ และจะมีหนามลักษณะคล้ายฟันปลาเป็นแผงๆ ออกมาจากรอบๆ ส่วนปลายของกระบอง


แก้ไขเมื่อ 3 ก.พ. 2555, 08:32 โดย

หลินโหม่ว เข้าร่วมเมื่อ 2 ก.พ. 2555, 21:23

0 ความคิดเห็น