หัวข้อ : ฉันไม่อยากเป็นซินเดอเรลลา บทที่ 4 สักต์ปีกรักกับสัตว์น้ำได้ไหม? (3)

โพสต์เมื่อ 27 ก.ค. 2559, 16:30

 

บทที่ 4 สักต์ปีกรักกับสัตว์น้ำได้ไหม? (3)

 

“คุณซู บังเอิญจังครับ” เสียงสุภาพอ่อนโยนดังขึ้นที่ริมหู ซูจิ่นเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ ได้เห็นเหวินฉี่ตงในชุดลำลองยืนอยู่ข้างๆ เธอนี่เอง ในมือถือแค่นมหนึ่งขวด

หญิงสาวรีบฉีกยิ้มแบบเวลาทำงาน “บังเอิญจังค่ะ”

ต่อให้เขากับเธอพักอยู่ใกล้กัน ก็ไม่ต้องถึงขนาดแค่มาซื้อของที่ซูเปอร์ยังเจอกันได้หรอกมั้ง หางตาหญิงสาวกวาดมองสารพัดของบำรุงไตกองใหญ่ในรถเข็น ก่อนจะขยับตัวไปบังอย่างเผลอตัว ภาวนาอย่าให้เหวินฉี่ตงเห็นเข้า

ยังดีที่ดูเหมือนเหวินฉี่ตงจะไม่ได้คิดสำรวจดูรถเข็นของเธอ แค่เอ่ยถามว่า “ร่างกายดีขึ้นบ้างหรือยังครับ?”

ซูจิ่นค่อยนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานนี้เธอลาป่วย รีบพยักหน้า “ได้นอนพักหนึ่งวัน ดีขึ้นมากแล้วค่ะ”

ชายหนุ่มพินิจดูสีหน้าเธอ ความรู้สึกแปลกๆ บางอย่างผุดขึ้นในใจ รู้สึกว่าวันนี้เธอสวยมากอย่างประหลาด ถึงแม้สีหน้าออกจะซีดๆ อยู่บ้าง ระหว่างคิ้วกลับให้อารมณ์เนิบเนือยและเย้ายวนอย่างบอกไม่ถูก น่ารักมีเสน่ห์อย่างมาก

ซ่อนความเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มบางๆ ชายหนุ่มพูดเสียงนุ่ม “สุดสัปดาห์ก็พักผ่อนให้เต็มที่เถอะครับ”

เหวินฉี่ตงเห็นว่าสุขภาพแข็งแรงนี่สิถึงจะงดงามเสมอมา ดังนั้นจึงไม่เห็นด้วยกับหญิงงามอมโรคที่คนโบราณพรรณนานัก แต่ดูจากตอนนี้ มีผู้หญิงบางคนที่เวลาไม่สบายจะงดงามกว่าปกติจริงๆ ด้วย

เขามีหรือจะรู้ว่า ที่ซูจิ่นหน้าซีดเป็นเพราะกลางคืนไม่ได้นอนเต็มตา ส่วนแววเย้ายวนในดวงตาและหว่างคิ้ว เป็นเพราะความต้องการในบ้างด้านได้รับการเติมเต็มจนเต็มอิ่มล้วนๆ

โลกนี้เต็มไปด้วยความเข้าใจผิดจริงๆ ด้วย...

หลังจากจ่ายเงินเสร็จ เหวินฉี่ตงเสนอจะช่วยซูจิ่นเข็นรถเข็นไปจนถึงท้ายรถส่วนตัวอย่างเป็นสุภาพบุรุษ ซูจิ่นทำเป็นบ่ายเบี่ยงเล็กน้อยก่อนจะตกลง ในสายตาของเธอ เวลาทำอะไรที่ต้องออกแรง การที่ผู้ชายบริการผู้หญิง เป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่สุดแล้ว ดังนั้นต่อให้เป็นเจ้านาย ก็เสมอภาคกันอยู่ดี

เก็บของใส่รถเรียบร้อยแล้ว ซูจิ่นมองอีกฝ่ายที่ถือนมแค่แกลลอนเดียว “ผู้อำนวยการเหวินไม่ได้ขับรถมาใช่ไหมคะ?” ซื้อนมแค่แกลลอนเดียว คาดว่าเขาคงจะออกจากบ้านมาเดินเล่น จริงดังคาด เหวินฉี่ตงพยักหน้า

เห็นแก่ที่เขาช่วยขนของใส่รถ ซูจิ่นเสนอตัวอย่างคิดจะตอบแทน “จะไปด้วยกันไหมคะ?”

ชายหนุ่มคิดเล็กน้อย แล้วตอบตกลงอย่างยินดี ขึ้นรถแล้ว เขานึกอะไรขึ้นได้ พูดเก้อๆ ว่า “ครั้งก่อนที่คุณส่งผมกลับบ้าน ผมรับปากว่าจะเลี้ยงข้าวคุณ แต่ดันยุ่งจนลืมไปเลย”

ซูจิ่นหัวเราะเบาๆ อย่างไม่ใส่ใจ “ถ้าคุณไม่พูดขึ้นมาฉันคงลืมไปแล้ว ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรสักหน่อย คุณเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ”

เหวินฉี่ตงก้มหน้าลงดูนาฬิกา “เลือกวันมิสู้สบวัน คืนนี้เลยเป็นไงครับ?”

“หา?” หญิงสาวปรายหางตามองคนพูดอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง นิ่งคิดเล็กน้อย แล้วตัดสินใจปฏิเสธ “ต้องขอโทษด้วยค่ะ ฉันยังไม่ค่อยสบายอยู่ คืนนี้คงจะเข้านอนเร็วหน่อย”

ถึงแม้สายตาเหวินฉี่ตงจะใสกระจ่าง ท่าทีเปิดเผยจริงใจ ดูไม่เหมือนมีเจตนาแอบแฝงอื่น แต่ซูจิ่นยังคงชอบที่จะรักษาระยะห่างกับเจ้านายมากกว่า โดยเฉพาะกับเจ้านายอย่างเหวินฉี่ตงที่มีเสน่ห์ดึงดูดต่อเพศตรงข้ามอย่างมาก เธอยิ่งขออยู่ให้ห่างๆ เข้าไว้ด้วยความเคารพ สำหรับซูจิ่นแล้ว สิ่งที่เธอเล่นไม่ไหวมากที่สุด ไม่ใช่ความรักชั่วคืน แต่เป็นความรักในที่ทำงาน เธอไม่ต้องการให้อนาคตด้านการงานของเธอได้รับผลกระทบเพราะเรื่องชู้สาว

ซูจิ่นยกเรื่องป่วยมาเป็นข้ออ้างปฏิเสธ เหวินฉี่ตงค่อยนึกขึ้นได้ว่าเธอยังเป็นคนป่วยอยู่ ได้แต่เอาไว้วันหน้าแทน

หลังจากเหวินฉี่ตงลงจากรถ ซูจิ่นถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เดิมทีเธอคิดจะซื้อถุงยางอนามัยตอนที่จ่ายเงิน ผลคือเพราะเหวินฉี่ตงอยู่ด้วยเลยไม่กล้าซื้อ โลกนี้มันจะแคบเกินไปหน่อยมั้ย? หรือสวรรค์ทรงคิดจะประทานเด็กน้อยผู้งดงามให้เธอจริงๆ? เด็กน้อยที่งดงามเหมือนอย่างฉินชวน แค่คิดก็จักจี้หัวใจแล้ว

พ่อแม่ของซูจิ่นเลิกล้มความคิดเกลี้ยกล่อมให้เธอแต่งงานมานานแล้ว คาดว่าความหวังที่จะได้อุ้มหลานก็น่าจะดับสลายไปแล้วเหมือนกัน ดังนั้นถ้าเธอยอมมีลูก ต่อให้ไม่รู้ว่าพ่อเด็กเป็นใคร สองตายายที่บ้านก็คงจะพากันแย่งไปเลี้ยงอย่างยินดีปรีดาเสียละมาก แล้วแต่บุญแต่กรรมเถอะ ซูจิ่นผู้ขี้เกียจย้อนกลับไปซื้อถุงยางคิดอย่างไม่รับผิดชอบ

ซูจิ่นมีความรู้สึกหวาดกลัวการแต่งงานโดยธรรมชาติ

ความจริงแล้ว นี่เป็นยุคสมัยที่การแต่งงานไม่ได้ช่วยสร้างความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยใดๆ แก่ใครเลย ผู้คนแต่งงานกันวันนี้ พรุ่งนี้ก็หย่ากัน ซูจิ่นเห็นว่าสัญญาที่เหลือแค่เป็นกระดาษแผ่นเดียวนี้ ไม่มีความหมายใดๆ อีก และเธอเกลียดการทำเรื่องที่ไม่มีความหมาย ความเป็นจริงรอบตัวมากมายเกินไปได้บอกกับเธอว่า การแต่งงานไม่ใช่ผลของความรักอีกต่อไป แต่เป็นปลายทางของความรัก ปลายทาง ความหมายก็คือจุดสิ้นสุด ดังนั้นจึงมีคนพูดว่า การแต่งงานคือหลุมฝังศพของความรัก

นิยายรักมากมาย ใช้การที่พระเอกกับนางเอกได้แต่งงานกันหลังจากผ่านความลำบากลำบนมาสารพัดเป็นตอนจบ แต่หลังจากแต่งงานกันแล้ว จะมีความสุข จะอยู่ด้วยกันไปจนชั่วชีวิตหรือ? การแต่งงานในโลกความจริง ส่วนมากชายหญิงทั้งสองฝ่ายมักจะถูกเรื่องจุกจิกต่างๆ ในชีวิตประจำวันกัดกร่อนความกระตือรือร้นที่มีอยู่ไปจนสิ้น จากนั้นตกลงสู่สภาพนั่งมองหน้ากันโดยไม่มีอะไรจะพูดวันแล้ววันเล่า การแต่งงานที่ประสบความสำเร็จ จะเปลี่ยนความรักให้กลายเป็นความรู้สึกคล้ายๆ ที่มีญาติพี่น้อง ส่วนการแต่งงานที่ล้มเหลว ความรักจะกลายเป็นความแค้น

และไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว สำหรับซูจิ่นแล้ว ต่างไม่ดึงดูดใจโดยสิ้นเชิง

มีแต่ผู้หญิงที่พอไม่มีผู้ชายอยู่ด้วย ก็จำเป็นต้องใช้ชีวิตโดยพึ่งพาค่าเลี้ยงดูเท่านั้นที่ต้องการการแต่งงาน ไม่ทราบว่าซูจิ่นเริ่มมีความคิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร และสำหรับเธอแล้ว ต้องการผู้ชายสำหรับเป็นแค่สิ่งเพิ่มสมดุลให้ชีวิตเท่านั้น ไม่ต้องการให้มาเป็นที่พึ่งพาของเธอ ชีวิตเรื่อยเฉื่อยตามใจตัวเองของเธอ ไม่ใช่ว่าดีมากหรอกหรือ? เธอชอบของสวยๆ งามๆ และเธอมองว่าความรักนั้น สวยงามได้เพราะว่ามันแสนสั้นนี่แหละ พอเวลายาวนานเข้า ความรักก็มักจะกลายเป็นโครงไก่อย่างยากจะเลี่ยง กินไปก็ไร้รส จะทิ้งก็เสียดาย เหมือนอย่างเธอกับเฉียวเซวียน...เนิ่นนานก่อนหน้านี้ การอยู่ด้วยกันได้กลายเป็นความเคยชิน ซึ่งไม่ใช่เป็นเพราะความรัก ความจริงแล้วจนบัดนี้ เธอก็ยังคงไม่แน่ใจว่า เธอกับเขา ใครเป็นฝ่ายเปลี่ยนใจก่อนกัน

แต่ก็ไม่สำคัญอีกแล้ว

เธอรู้แค่ว่าตอนนี้เธอชอบฉินชวน ชอบอยู่กับเขา ชอบชื่นชมความรูปงามของเขา ชอบร่วมรักกับเขา เท่านี้ก็พอแล้ว เมื่อวันใดที่เขาหายตัวไปจากชีวิตของเธอ เธอจะรักษาความทรงจำที่งดงามช่วงนี้เอาไว้ แต่จะไม่มีทางไปไล่ติดตามย่างก้าวของเขาเด็ดขาด

การคบกันโดยยึดถือความคิดแบบนี้ ถูกกำหนดว่าสบายแน่นอน ดังนั้นตลอดทั้งสุดสัปดาห์ ซูจิ่นกับฉินชวนจึงใช้ไปกับการร่วมรักและคุยกัน เพราะต่างคนต่างมีความคิดซ่อนอยู่ในใจ หัวข้อที่คุยกันจึงจำกัดมาก ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่จึงถูกใช้ไปกับการถกเรื่องท่องเที่ยวและอ่านหนังสือ ด้านท่องเที่ยว คนทั้งสองมีความเห็นสอดคล้องกันอย่างผิดคาด บางทีถ้าเวลาที่คบกันนานมากพอ ก็พอจะไปสถานที่ที่สนใจมากมายหลายที่ด้วยกันได้

เพียงแต่การแยกจากมาถึงเร็วกว่าที่คนทั้งสองต่างคิดเอาไว้มาก คืนวันคริสต์มาสอีฟ ฉินชวนได้รับการติดต่อด่วนจากหนุ่มแว่นลึกลับ วันหยุดอันแสนยาวของเขาจำเป็นต้องสิ้นสุดลงเนื่องจากข่าวที่หนุ่มแว่นลึกลับแจ้งให้ทราบ

 

“พรุ่งนี้ตาแก่จะไปที่จวนผู้ว่า?” ฉินชวนขมวดคิ้วให้ชายหนุ่มบนหน้าจอคอมพิวเตอร์

ชายหนุ่มสวมแว่นตากรอบทองท่าทางสุภาพยิ้มอย่างไม่จริงจังนัก “คงชักจะทนนิ่งต่อไปไม่ไหวแล้วล่ะมั้ง? ถ้าพรุ่งนี้นายยังไม่โผล่มา เขาคงคิดจะประกาศเรื่องนายหายสาบสูญไปทั่วประเทศแล้วละ”

เห็นฉินชวนหลุบตาลง ไม่ทราบกำลังคิดอะไรอยู่ หนุ่มแว่นลึกลับเสนอแนะว่า “ถ้านายไม่อยากให้เรื่องมันกลายเป็นเรื่องใหญ่ ต้องรีบกลับไปก่อนวันพรุ่งนี้จะดีที่สุด เขายอมลดองค์ลงมาประพาสตรวจตราเจมมา ถือเป็นการแสดงว่ายอมอ่อนข้อให้แล้ว...” ถ้ายังไม่ยอมประนีประนอมตามทางที่ฝ่ายนั้นเปิดให้อีก ทั้งสองฝ่ายจะตกอยู่ในสถานการณ์ตั้งประจัน ซึ่งจะไม่ค่อยสวยแล้ว

“ฉันเข้าใจแล้ว กลับไปวันนี้ก็แล้วกัน” เมื่อฉินชวนเงยหน้าขึ้น สีหน้าได้ราบเรียบ แสดงว่ารู้ดีถึงการควรไม่ควร

หนุ่มแว่นลึกลับได้รับคำตอบที่พอใจ ก็พูดอย่างรวบรัด “อีกสองชั่วโมงฉันจะไปรับนาย”

ฉินชวนกดปุ่ม EXIT หน้าจอกลับคืนสู่ภาพแบคกราวน์ของเดสท็อป เหลือบมองเวลาตรงมุมล่างขวา บ่ายโมง เธอน่าจะยังกำลังกินข้าวอยู่กับเพื่อนร่วมงานกระมัง คิดเล็กน้อย ชายหนุ่มเริ่มลงมือล้างข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเขาในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่เธอให้เขายืมเครื่องนี้ทิ้ง ระบบกลับคืนสู่เมื่อหนึ่งเดือนก่อนอีกครั้ง

สำหรับประชาชนคนทั่วไป คริสต์มาสอีฟเป็นเทศกาลสำคัญของคู่รัก เดิมทีเขาคิดจะฉลองเทศกาลร่วมกับซูจิ่น ไม่นึกเลยว่าจะต้องพลาดแม้แต่คืนคริสต์มาสอีฟ จะบอกกับเธออย่างไรดี?

ความจริงแล้วถ้าสถานการณ์เป็นใจ เขาก็อยากจะพาซูจิ่นไปที่อาณานิคมเจมมาด้วยกันมาก แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่กระจ่าง เขายังอยากจะรอให้มันเสถียรกว่านี้อีกสักหน่อย ค่อยบอกกล่าวและอธิบายถึงฐานะของตัวเองแก่ซูจิ่น ส่วนตอนนี้...เขาจะพูดยังไงดี?

ชายหนุ่มใจลอยอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยิ้มเยาะตัวเองนิดๆ สงสัยผู้หญิงคนนั้นคงไม่สนใจเลยแหงๆ เขาไม่จำเป็นต้องเปลืองสมองไปคิดหาข้ออ้างหรอก เขาดูออกอยู่ว่า เธอกำลังพยายามหลีกเลี่ยงที่จะสัมผัสชีวิตข้างนอกของเขาอย่างสุดความสามารถ ว่ากันในบางแง่มุมแล้ว ผู้หญิงคนนี้...เป็นเต่าหดหัวมาก ชอบที่จะซ่อนตัวอยู่ในเปลือกของตัวเอง...แต่ว่า ช่างเถอะ ยังไงเขาก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษผู้เปิดเผยเหมือนกัน จึงไม่มีสิทธิ์จะไปตำหนิเธอ

ของขวัญคริสต์มาส...เขายังไม่มีโอกาสไปเลือก ค่อยชดเชยให้หลังจากนี้หน่อยก็แล้วกัน ชายหนุ่มคิดอย่างอดเสียใจไม่ได้ ความจริงแฟนหนุ่มอย่างเขาก็ไม่ผ่านเกณฑ์เอามากๆ เหมือนกัน...

ทำไมทั้งๆ ที่เป็นความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยเรื่องหลอกลวงแท้ๆ กลับชวนให้ฝังใจจำเป็นพิเศษ? บางทีอาจเป็นเพราะตัวเขาได้ใช้ชีวิตเรื่อยเฉื่อยว่างสบายอย่างหาได้ยากมากอยู่ช่วงหนึ่ง...บางทีอาจเป็นเพราะในชีวิตช่วงนี้ มีสาวหื่นผู้เกียจคร้านอยู่ด้วย...

รอยยิ้มสง่างามบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม หากซูจิ่นมาเห็นเข้า ต้องโถมเข้าไปกลืนกินรอยยิ้มนี้แน่นอน น่าเสียดายที่เวลานี้ในบ้านไม่มีใคร ดังนั้นฉินชวนจึงไม่ได้ตระหนักว่า รอยยิ้มนี้เต็มไปด้วยความอาลัยรักและหลงใหล ซึ่งเผยอารมณ์สุขใจออกมาอย่างไม่มีการปิดบัง ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้ตระหนักเช่นกันว่า ชีวิตช่วงนี้และผู้หญิงคนนี้ ได้แฝงตัวเข้าสู่พื้นที่ที่เขานึกไม่ถึงเสียแล้ว และกว่าเขาจะได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ในที่สุด ก็เป็นอีกเนิ่นนานหลังจากนี้

เสียงเปิดประตูดังมา ฉินชวนขมวดคิ้ว เสินอวี่มาถึงแล้ว ผลักประตูออกไปที่ห้องรับแขก ก็เห็นชายหนุ่มสวมชุดลำลองสีอ่อน สวมแว่นตากรอบทองเอนกายนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟา

“นายมาก่อนเวลา” ฉินชวนตำหนิอย่างไม่ค่อยพอใจ เขายังไม่ได้โทรศัพท์หาซูจิ่นเลย

เสินอวี่เห็นว่าคนพูดโวยวายเกินเหตุ เหลือบมองมาอย่างไม่สนใจ “เครื่องบินบินเร็วไปนิด ไม่ได้ขวางอะไรนายสักหน่อย” เขาอุตส่าห์บินมาจากเมืองหลวงเพื่อมารับหมอนี่โดยเฉพาะเชียวนะ ประเดี๋ยวยังต้องขับเครื่องบินอีกหลายชั่วโมงส่งหมอนี่กลับเจมมาอีก ท่าทางแบบนี้ของหมอนี่มันอะไรกันฟะ ถึงแม้จะแอบบ่นอยู่ในใจ แต่แน่นอนว่าเสินอวี่ไม่มีทางพูดออกไปเด็ดขาด

ฉินชวนเม้มปากมองหน้าอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่ง หันกลับไปที่ห้องนอนโดยไม่พูดอะไร ดึงประตูปิดตามหลังด้วย แต่เขาคาดว่าประตูบานนี้คงขวางหูโจรคู่นั้นของเสินอวี่ไม่อยู่แน่...ช่างเถอะ ยังไงก็ปิดไม่ได้นานอยู่แล้ว อยากฟังก็ฟังไปเถอะ

“ฮัลโหล มีอะไรเหรอ?” เสียงหวานใสของซูจิ่นดังมาจากทางปลายสาย ชายหนุ่มคิดเล็กน้อย ถามก่อนว่า “สะดวกคุยไหม?”

จากเหตุการณ์ที่ซูจิ่นไม่กลับบ้านทั้งคืนเมื่อครั้งก่อน เขาก็แลกเบอร์มือถือกับเธอ เผื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้น จะได้ติดต่อกันได้

“ค่ะ ว่ามาเถอะ บ่ายวันนี้ทุกคนไม่มีแก่ใจจะทำงานกันแล้วน่ะ รอวันหยุดพรุ่งนี้กันหมด หยุดติดกันตั้งสี่วันเชียวนะ ฮิฮิ” ในราชอาณาจักร วันคริสต์มาสไม่ใช่วันหยุดทั่วประเทศ แต่บริษัทจั๋วเยว่ที่ซูจิ่นทำงานมีพนักงานต่างชาติอยู่มาก เพื่อเป็นสวัสดิการ บริษัทจึงแถมวันหยุดให้สองวัน พอดีว่าวันคริสต์มาสของปีนี้เป็นวันพฤหัสบดี บวกกับวันเสาร์-อาทิตย์ จึงได้หยุดติดกันสี่วัน

ฉินชวนรู้เรื่องที่ซูจิ่นได้หยุดสี่วันแล้ว และรู้ด้วยว่าเพราะเขา เธอจึงไม่ได้วางแผนกิจกรรมออกไปเที่ยววันหยุดอะไร ความรู้สึกผิดพลุ่งขึ้น ชายหนุ่มลังเลเล็กน้อย ค่อยพูดว่า “ผมต้องจากไปชั่วคราวสักพัก” ถือว่าชั่วคราวกระมัง เขาจะกลับมาหาเธอแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะขนข้าวของอะไรของเขาไปทั้งนั้น นอกจากปืนกระบอกนั้น ยังไงสัญญาเช่าของเขาก็ยังอีกตั้งห้าเดือนถึงจะครบกำหนด

ทางปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง อึดใจใหญ่ซูจิ่นถึงค่อยพึมพำว่า “จะจากไปเร็วอย่างนี้เชียว?” ชั่ววูบนี้ เสียงของเธอหลุดเผยอารมณ์อ้างว้างออกมา ประโยคถัดไปกลับทำเอาชายหนุ่มแทบกระอักเลือด “คบกันได้แค่เจ็ดวันก็เลิกกัน ทำลายสถิติของฉันเลยนะ”

เสียงของฉินชวนดังขึ้นอย่างลืมตัว “ใครบอกว่าจะเลิกกันไม่ทราบ? ผมแค่จะจากไปสักพัก ไปจัดการธุระนิดหน่อย”

ซูจิ่นหัวเราะเบาๆ “ไม่ว่าจะจากไปนานแค่ไหน มันก็จากไปทั้งนั้น วันนั้นฉันบอกไว้แล้วว่า ขอแค่คุณไม่จากไป เราสองคนก็คบกัน ตอนนี้คุณไปจากฉันแล้ว การคบกันย่อมจะจบลงแล้วค่ะ”

ชายหนุ่มย้อนนึกถึงวันนั้นตอนที่เธอรับปากคบกับเขา เธอพูดแบบนี้จริงๆ ด้วย และที่เขาไม่ได้แสดงข้อกังขาใดๆ...หลักๆ เป็นเพราะอารมณ์ใคร่ขึ้นสมอง...บ้าฉิบ ดันโดนยายนี่เล่นเข้าให้แล้ว

เขาเม้มปากอย่างไม่พอใจ คิดอยู่ครู่หนึ่งค่อยถามว่า “คุณอยากจะสลัดผมทิ้งมากขนาดนี้เชียว? การคบกับผมทำให้คุณทรมานมากหรือ?”

ทางปลายสายเงียบไปอึดใจใหญ่อีกครั้ง ผ่านไปครู่หนึ่ง ซูจิ่นค่อบพูดว่า “ฉันชอบคุณมาก แต่ที่ฉันชอบคือตัวคุณที่อยู่ร่วมชายคากับฉัน ตัวคุณในโลกภายนอกแปลกหน้าสำหรับฉัน และฉันยังไม่ได้เตรียมใจที่จะเปลี่ยนชีวิตตัวเองเพื่อผู้ชาย”

ยายเต่าหดหัว! ฉินชวนนึกด่าอยู่ในใจ แทบจะอยากขว้างโทรศัพท์ลงใส่พื้น ฝืนข่มอารมณ์หุนหันพลันแล่นนี้ เขาพูดเสียงเย็นชา “ผมเข้าใจแล้ว ผมจะเคารพการเลือกของคุณ” การตามตื๊อผู้หญิงไม่เลิก ไม่ใช่นิสัยของเขามาแต่ไหนแต่ไร ในเมื่อเธอได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนแล้ว เขายังจะพูดอะไรได้อีก ขณะจะกดตัดสาย ชายหนุ่มได้ยินซูจิ่นเรียกเขาเบาๆ “ฉินชวน...” เขาชะงักมือ อดทนรออยู่เป็นนาน ในโทรศัพท์ค่อยมีเสียงดังออกมาว่า “คุณต้องอายุยืนร้อยปีนะ” จากนั้นโทรศัพท์จึงถูกตัดสายไปโดยไม่รอให้เขาพูดตอบ

เขาดูเหมือนคนอายุสั้นรึไง? ฉินชวนนั่งหงุดหงิดหัวเสียอย่างสุดเซ็งอยู่บนเตียงครู่หนึ่ง ค่อยเปิดประตูเดินออกไป ก็เห็นเสินอวี่มองดูเขาด้วยสีหน้ามีเลศนัย แอบฟังอยู่จริงๆ ด้วย

ฉินชวนทำเป็นไม่สังเกตเห็น พูดเสียงเย็นชา “ไปกันเถอะ”

 

หลังจากวางโทรศัพท์ลง ซูจิ่นใจลอยอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าได้ตื่นจากความฝันอันแสนสวยเสียแล้ว

ในที่สุดเจ้าชายก็จะกลับไปยังโลกของเขาแล้ว นั่นเป็นโลกที่ไม่คุ้นเคยโดยสิ้นเชิงสำหรับเธอ โลกที่ทันทีที่เธอก้าวเข้าไป เธอจะรู้สึกหวาดกลัวและอ่อนแอ เธอสังหรณ์ใจว่าเธอจะไม่มีทางชอบตัวเธอที่อยู่ในโลกใบนั้น และตัวเองที่แม้แต่ตัวเองยังไม่ชอบ ก็ไม่มีทางที่จะถูกใครชอบได้หรอก

ดังนั้นให้มันจบลงเท่านี้เถอะ ความฝันอันแสนสวยในฤดูหนาวของเธอ เมื่อไรที่ความฝันต่อเนื่องมาถึงโลกความจริง มันก็จะไม่สวยงามอีกต่อไป

ก่อนที่เธอจะได้สติ ก็ได้คลิกเข้าไปในเว็บไซท์คอนเสิร์ตฮอลล์ในใจแล้ว การแสดงรอบสุดท้ายในเปิ่นปู้ของวงดนตรีซึ่งบรรเลงเพลงรักในราชสำนักจากเมืองเวียนนา ประเทศออสเตรียคือคืนวันนี้ เดิมทีเธอไม่คิดจะไป แต่...ในเมื่อมีเวลาว่าง ก็ไปดีกว่า

ตอนเสิร์ชหาบัตร พบว่าเหลือแต่บัตรชั้นบ๊อกซ์ที่แพงที่สุด ถอนหายใจ คลิกเมาส์ ยืนยันที่นั่ง หนึ่งปีมาแค่หนึ่งหนเท่านั้น แพงก็ช่างเถอะ

 

เสินอวี่เห็นฉินชวนหน้าบอกบุญไม่รับ ก็หุบปากเดินออกไปกับอีกฝ่าย จนขึ้นรถเรียบร้อย ค่อยถามอย่างไม่กลัวตายว่า “เป็นอะไร นายโดนทิ้งแล้วเหรอ?”

ฝ่ายถูกถามหันไปมองนอกหน้าต่างอย่างบึ้งตึงโดยไม่พูดไม่จา เสินอวี่ยิ้มอย่างสมน้ำหน้า “ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย จะเป็นไรไป?”

ฉินชวนนึกถึงภาพอดีตแฟนสาวหลายคนของเขาน้ำตาคลอมาขอแยกทางกับเขา ขมวดคิ้วบางๆ ไม่ใช่ครั้งแรกจริงๆ นั่นแหละ แต่หลายครั้งก่อน ต่างเป็นเพราะแฟนสาวอยากให้แต่งงาน แต่เขาไม่มีความคิดที่จะแต่งกับพวกเธอ ถึงได้แยกทางกันทั้งนั้น

มีแต่ครั้งนี้ที่เขารู้สึกได้ว่าโดนทิ้งอย่างแท้จริง เพราะยายคนนั้นกีดกันเขาออกไปจากโลกของเธอ ยายเต่าหดหัว ชายหนุ่มอดใจไม่อยู่แอบด่าอีกหน

เสินอวี่พบว่าสีหน้าของฉินชวนทะมึนหนักกว่าเดิม จึงถามซอกแซกอย่างนึกสนุก “ผู้หญิงที่รับนายไว้สินะ? เธอสวยมากจริงๆ นั่นแหละ แต่ยังไม่จัดว่าหยาดฟ้ามาดิน แถมยังเป็นสามัญชน นายจะจริงจังขนาดนั้นไปทำไม?”

นั่นสิ เขาจะจริงจังขนาดนี้ไปทำไม? ฉินชวนมองไปนอกหน้าต่างอย่างครุ่นคิด...เป็นเพราะเขาชอบร่วมรักกับเธอหรือ? เป็นเพราะอยู่กับเธอแล้วทำตัวตามสบายได้หรือ? เป็นเพราะเวลาที่เขากับเธออยู่ด้วยกัน ยาวนานกว่าแฟนสาวคนก่อนๆ ของเขาทุกคนหรือ? หรือเพราะว่าเป็นครั้งแรกที่เขาโดนผู้หญิงวางแผนหลอกเหมือนไอ้โง่?

ครั้งแรกอีกแล้วหรือ?

ฉินชวนถอนหายใจอย่างลืมตัว เสินอวี่ฟังแล้วเสนอแนะอย่างนึกสนุกยิ่งกว่าเดิม “ในเมื่อตัดใจไม่ได้ขนาดนั้น ก็ไปตามจีบกลับมาสิ”

ที่ตอบเสินอวี่มีแต่ความเงียบเช่นเคย

จริงๆ เลย เปี่ยวตี้[1]คนนี้ของเขาชักจะไม่น่ารักมากขึ้นเรื่อยๆ เสียแล้ว เสินอวี่คิดในใจอย่างเบื่อๆ

รายการเพลงของคอนเสิร์ตมีเยอะมาก เพลงวอลซ์ Voices of Spring ของชเตราสส์ (Strauss), เพลง The Magic Flute ของโมสาร์ท, เพลง Carmen Suite ของบีแซร์ (Bizet) เพลง Peer Gynt ของ กริก (Grieg) เพลงโหมโรง Fingal's Cave ของ เมนเดิลส์โซห์น (Mendelssohn), เพลงคลาสสิคขึ้นหิ้ง Blue Danube...สุดท้ายคือเพลงไฟนอล Symphony No.1 ของบราห์ม (Brahms)

ผลงานอันแสนยิ่งใหญ่ซึ่งผ่านเวลายาวนานถึงยี่สิบปีจึงค่อยเสร็จสมบูรณ์นี้ เป็น Symphony เพลงแรกที่บราห์มแต่งขึ้น มีคนเคยพูดว่า ขอเพียงเคยได้ฟังซิมโฟนีอันงดงามอลังการนี้ ก็จะสามารถเข้าใจได้ว่าบราห์มไม่เคยใช้เวลายี่สิบปีนี้ไปโดยเปล่าประโยชน์เลยแม้แต่วินาทีเดียว

ซูจิ่นคิดเสมอว่าในเพลงเพลงนี้เปี่ยมไปด้วยความโศกเศร้าที่บรรยายไม่ถูก นั่นคือความรักที่สิ้นหวังในชั่วชีวิตของบราห์มผู้แต่งเพลงกับคลารา (Clara) ผู้แก่กว่าเขา 18 ปี ภรรยาของชูมันนน์ (Schumann) นักเปียโนชื่อดัง คนทั้งสองเขียนจดหมายถึงกันมาตลอดชีวิต และจดหมายเหล่านี้ได้ถูกบราห์มเผาทิ้งในบั้นปลายของชีวิต ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าความรักของคนทั้งสองดำเนินไปอย่างไร และไม่มีใครรู้ว่า เหตุใดหลังจากที่ชูมันน์ถึงแก่กรรม คนทั้งสองจึงไม่ได้ลงเอยกันในท้ายที่สุด แต่กลับเลือกที่จะต่างคนต่างอยู่เป็นโสด หลังจากที่คลาราถึงแก่กรรมได้ครึ่งปี บราห์มก็ลาโลกตามเธอไป ราวกับว่าคลาราคือวิญญาณของเขา เมื่อวิญญาณจากไปแล้ว ร่างเนื้อก็เสื่อมสิ้นทันที ชั่วชีวิตของบราห์มไม่ได้แต่งงาน เขาได้มอบทั้งชีวิตให้แก่ความรักที่ไม่มีบทสรุปและดนตรี

บางทีรักแท้นั้นไม่ต้องการบทสรุป และซูจิ่นเชื่อว่าหากบราห์มแต่งงานกับคลาราที่เป็นแม่ของลูกเจ็ดคนแล้ว ความรักนี้จะต้องไม่สามารถดำเนินต่อไป และกลายเป็นผลงานชิ้นเอกพันปีได้อย่างแน่นอน

ตัวความรักเองนั้นมีนิสัยโศกนาฏกรรมอยู่แล้ว และความรักนั้นงดงามเพราะความสิ้นหวังของมันมาแต่ไหนแต่ไร

แต่เสียงแห่งความหวังที่บราห์มแสดงออกมาในท่อนสุดท้ายของซิมโฟนี ร้องเพื่ออะไรกันหนอ? นี่คือส่วนที่ซูจิ่นไม่สามารถเข้าใจได้จนแล้วจนรอด ในกล่องแพนโดรา สิ่งดีงามสิ่งเดียวที่เทพเหลือทิ้งไว้ให้แก่มนุษย์ ก็คือความหวัง แต่ว่าบราห์มมุ่งหวังสิ่งใดท่ามกลางความสิ้นหวังอันหนักอึ้งกันหนอ?

หญิงสาวพยายามเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ลุกขึ้นยืนตั้งใจจะเดินตามคลื่นฝูงชนออกไปจากคอนเสิร์ตฮอลล์ จังหวะนี้มีคนยื่นกระดาษเช็ดหน้ามาให้ เงยหน้าขึ้นดู เธออดตกตะลึงไม่ได้...ถึงจะบอกว่าในชีวิตพบพานกันได้ทุกที่ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเจอเหวินฉี่ตงได้ทุกเวลากระมัง?

เหวินฉี่ตงจองบัตรชั้นบ๊อกซ์มาตั้งแต่เมื่อหนึ่งเดือนก่อนแล้ว ที่นั่งของเขาอยู่ข้างหลังเธอหนึ่งแถว ตอนที่ซูจิ่นเข้ามาในฮอลล์ เขาก็มองเห็นเธอแล้ว แต่ไม่ได้คิดจะทักเธอ เมื่อครู่นี้เห็นเธอร้องไห้หนักมาก ทั้งยังไม่มีกระดาษเช็ดหน้า ถึงได้อดยื่นไปให้หนึ่งแผ่นไม่ได้

ทั้งสองเดินออกจากคอนเสิร์ตฮอลล์ด้วยกัน ข้างนอกหิมะเริ่มโปรยปราย เมืองเปิ่นปู้ได้ต้อนรับคริสต์มาสสีขาวอันหาได้ยาก คู่รักมากมายต่างออกมาเดินบนถนนอย่างตื่นเต้นคึกคักเป็นคู่ๆ ดูแล้วหวานชื่นเหลือเกิน และขับเน้นให้คนทั้งสองที่ไม่ได้จูงมือกันดูโดดเดี่ยวอ้างว้างนิดๆ

ชายหนุ่มมองซูจิ่นที่ดวงตายังคงแดงก่ำ อมยิ้มน้อยๆ ผู้หญิงที่ฟังบราห์มจนน้ำตาร่วงคนนี้ ทำให้บางที่ในหัวใจเขาอ่อนยวบอย่างประหลาด “ผมเลี้ยงมื้อดึกคุณนะ?”

หลังจากเผลอใจลอยไปชั่ววูบ ซูจิ่นก็ยิ้มอย่างขออภัย “ขอโทษด้วยค่ะ ฉันต้องรีบไปขึ้นเครื่องบินเที่ยวดึกไปเมืองเซินเยี่ยมพ่อแม่ของฉัน วันหยุดยาวทั้งที ออกจะคิดถึงบ้านหน่อยๆ ซะแล้ว” นี่เป็นเรื่องที่เธอเพิ่งจะตัดสินใจเมื่อกี้นี้เอง เพราะตอนนี้เธอไม่อยากจะกลับไปที่คอนโดซึ่งเหลือแต่เธอเพียงคนเดียว

เธอมักจะปฏิเสธเขาอยู่เรื่อย เขาทำความผิดร้ายแรงอะไรหรือ ถึงได้ทำให้เธอมองเขาเหมือนเป็นงูพิษ?

ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยถามในสิ่งที่ตนกังขา เพียงแต่ยิ้มอบอุ่น “อย่างนั้นก็สุขสันต์วันคริสต์มาสครับ”

“สุขสันต์วันคริสต์มาสเช่นกันค่ะ” ซูจิ่นโค้งตัวเล็กน้อยให้ตามมารยาท แล้วขับรถจากไปภายใต้สายตามองส่งของชายหนุ่ม

จนกระทั่งรถของหญิงสาวลับหายไปจากคลองจักษุ ชายหนุ่มค่อยหันตัวช้าๆ เดินไปทางรถของตัวเอง ปีใหม่ใกล้จะมาถึงแล้ว และเขาคาดหวังการเริ่มต้นใหม่ๆ อย่างมาก

 

 

<>::<>::<>::<>::<>::<>



[1] น้องชายซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง เป็นลูกของพี่น้องผู้หญิงของพ่อ (ป้า/อาผู้หญิง) หรือพี่น้องทั้งชายและหญิงของแม่ (ลุง ป้า น้าชาย น้าสาว)

 


แก้ไขเมื่อ 27 ก.ค. 2559, 20:54 โดย

หลินโหม่ว เข้าร่วมเมื่อ 27 ก.ค. 2559, 16:30

32 ความคิดเห็น